ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการ “ทลายคอกม้า Car Scams”พบเงินหมุนเวียนกว่า 30 ล้านบาท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผบก.ทล. , พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ รอง ผบก.ทล. และ พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม รอง ผบก.บก.ทล. ได้สั่งการให้

 กก.2 บก.ทล. และกก.5 บก.ทล. นำโดย พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.อ.สาธิต สมานภาพ ผกก.5 บก.ทล.,พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ งานแฉ่ง รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.เจต จึงประเสริฐศรี รอง ผกก.5 บก.ทล.,พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ อำไพจิตร์ สวญ.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. , พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ สวญ.ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล.,พ.ต.ท.วรฉัตร ฉลวยแสง สว.ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล.,พ.ต.ต.ศรัณยพงศ์ อ่อนสิงห์ สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.และพ.ต.ท.สาโรจน์ เปี่ยมเจริญ สว.ส.ทล.4 กก.5 บก.ทล.

 เปิดปฏิบัติการ ทลายคอกม้า Car Scams ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา จำนวน 4 ราย รวมจำนวน 6 หมายจับ โดยแต่ละคนมีหน้าที่ ดังนี้

1) นายญาณวุฒิฯ อายุ 37 ปี ทำหน้าที่ บัญชีม้า และรับผลประโยชน์จากการหลอกลวง

ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 377/68 ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนหรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด

2) น.ส.ธัญชนกฯ อายุ 34 ปี ทำหน้าที่ เป็นธุระจัดหาบัญชีม้า และรับผลประโยชน์จากการหลอกลวง

ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 378/68 ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนหรือเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด

3) น.ส.ภัทราภาฯ อายุ 37 ปี ทำหน้าที่ ม้ากดเงิน และแจกจ่ายผลประโยชน์ให้ผู้ร่วมขบวนการ

ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 380/68 ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

4) นายสิทธิวัฒน์ฯ อายุ 33 ปี ทำหน้าที่ บัญชีม้า และรับผลประโยชน์จากการหลอกลวง

ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 379/68 ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนหรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด

 สถานที่จับกุม

น.ส.ธัญชนกฯ บริเวณหน้าหอพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่

นายสิทธิวัฒน์ฯ บริเวณหน้าสถานประกอบการรับจ้างถมดินแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด จว.เชียงใหม่

นายญาณวุฒิฯ บ้านพักในพื้นที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

น.ส.ภัทราภาฯ บริเวณคอนโดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาได้ร่วมกันก่อเหตุฉ้อโกงประชาชนโดยใช้วิธีหลอกซื้อ – หลอกขายรถยนต์ผ่าน Facebook Market Place โดยเริ่มจากการค้นหาการประกาศขายรถของผู้เสียหายรายหนึ่ง แล้วนำข้อมูลรถและภาพไปโพสต์หลอกขายให้กับผู้เสียหายอีกรายหนึ่ง จากนั้นแอดมินกลุ่มจะนัดให้ผู้ซื้อและผู้ขายตัวจริงมาเจอกันให้เห็นรถยนต์ที่จะทำการซื้อขายจริงๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ หลังจากนั้นแอดมินจะหลอกให้ผู้ซื้อโอนเงินผ่าน “บัญชีม้า” โดยอ้างว่าเป็นบัญชีของบริษัทหรือแอดมินส่วนกลาง เมื่อผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีแล้ว แอดมินจะรีบตัดการติดต่อทั้งสองฝ่ายทันที และรีบแจ้งทีมงานไปกดเงินออกจากตู้ ATM แล้วนำเงินที่ได้มาจากการฉ้อโกงประชาชน ฝากเข้าตู้ ATM ส่วนหนึ่ง และนำเงินที่เหลือส่งต่อให้หัวหน้าเครือข่ายผ่านไรเดอร์ พฤติการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้เสียหายทั้งสองฝ่ายเข้าใจผิดและไปแจ้งความผู้เสียหายด้วยกันเอง เป็นลักษณะของ “การหลอกสองทาง” ที่มีการแบ่งหน้าที่เป็นระบบชัดเจน ตั้งแต่คนหาบัญชีม้า ผู้กดเงิน จนถึงผู้ควบคุมเครือข่าย พบเงินหมุนเวียนในขบวนการนี้กว่า 30 ล้านบาท จากการตรวจสอบเครือข่ายนี้ พบว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่แถบประเทศเพื่อนบ้านซึ่งใช้บริการเอาต์ซอร์ส ทีมจัดหาบัญชีม้า และม้ากดเงินสด ร่วมวางแผนในการกระทำความผิด ทำให้ยากต่อการจับกุมและดำเนินคดี ซึ่งอยู่ในระหว่างการสืบสวนติดตามต่อไป

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยประชาชน ขอให้ระมัดระวังมิจฉาชีพในรูปแบบดังกล่าว โดยมีวิธีการสังเกตและป้องกัน ดังนี้

1) ตรวจสอบผู้ขายและผู้ซื้อให้แน่ใจ ตรวจเอกสารคู่มือการจดทะเบียนรถว่าเจ้าของผู้ถือกรรมสิทธิ์ หรือผู้ครอบครอง เป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่

2) ห้ามโอนเงินเข้าบัญชีอื่นที่ไม่ตรงกับชื่อผู้ขายจริง หากมีการอ้างว่า “บัญชีบริษัท / บัญชีแอดมิน” ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นบัญชีม้า

3) การนัดดูรถแต่ให้โอนเงินก่อน หรืออ้างเร่งรีบ ควรยุติการซื้อขายทันทีเพราะเป็นพฤติการณ์ที่แก๊งนิยมใช้หลอกให้รีบโอน ก่อนที่จะบล็อกการติดต่อและหลบหนีไป

4) หลีกเลี่ยงการมอบให้ผู้อื่นไปรับรถ ผู้ซื้อควรไปรับรถด้วยตนเอง เพื่อตรวจดูเอกสารอย่างละเอียด และควรชวนบุคคลซึ่งไว้วางใจไปเป็นเพื่อนเพื่อร่วมตรวจสอบ

5) อย่ายินยอมให้ผู้อื่นนำบัญชี หรือซิมโทรศัพท์ไปใช้ในกิจกรรมอย่างหนึ่งอย่างใด เพราะอาจจะมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดอย่างเคสนี้ได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ สวญ.ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล. โทร 091-945-1935

About The Author

Related posts