ผู้เสียหายแห่แจ้งความกองปราบ โดนไฮโซสาวชื่อดัง ชักดาบไม่จ่ายค่าจัดงานกว่า 30 ล้านบาท

  • กลุ่มผู้ประกอบการกว่า 10 ราย ที่เป็นคู่สัญญาจัดงานคอนเสิร์ต HipHop ระดับโลก “Rolling Loud Thailand” รวมตัวเข้าร้องกองปราบฯ หลังถูกบริษัทผู้จัดงานค้างจ่ายค่าจ้างมานานเกือบ 1 ปี พบหลักฐานงบการเงิน ระบุมีพฤติการณ์ผิดปกติ ส่อ ‘เจตนาทุจริต’ ตั้งแต่เริ่มต้นว่าจ้าง

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 พ.ย.68 ที่ บริเวณด้านหน้าแดนเนรมิตเก่า จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ และ อ.มานพ สีเหลือง ทีมงาน พาผู้เสียหาย ผู้ประกอบการและบริษัทคู่สัญญากว่า 10 แห่ง ซึ่งเป็นทีมงานผู้ผลิต แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่เคยร่วมจัดงานคอนเสิร์ตระดับโลก “Rolling Loud Thailand”รวมตัวกันเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมายกับ ไฮโซสาวชื่อย่อ ”ม.“ เจ้าของบริษัทเอกชน แห่งหนึ่ง ที่เปิดเมื่อปี 65 เพื่อดำเนินกิจการด้านความบันเทิง โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการให้บริการจัดงานอีเวนต์ต่างๆ เช่น คอนเสิร์ต และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด

จ่าคิงส์ ระบุว่า บริษัทคู่สัญญาเหล่านี้ได้รับการว่าจ้างให้ร่วมจัดงานคอนเสิร์ต ซึ่งสิ้นสุดลงแล้วตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 แต่จนถึงปัจจุบันรวมเป็นเวลานานเกือบ 1 ปี ทางบริษัทฯ ดังกล่าวยังคงไม่มีการชำระเงินค่าจ้างที่ค้างจ่ายให้กับทีมงานและบริษัทคู่สัญญาร่วมกว่า 10 แห่ง มีผู้เสียหายรวม 40 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาทแต่อย่างใด

จ่าคิงส์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทีมงานและผู้ประกอบการได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.ประชาชื่น ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาแล้ว แต่คดีความยังไม่มีความคืบหน้า ด้วยเหตุนี้จึงต้องการมาขอความช่วยเหลือจากตำรวจกองปราบปราม เพื่อให้มีการดำเนินการทางกฎหมายและเกิดความคืบหน้าในการติดตามทวงถามหนี้สินต่อไป

“ที่เรามาที่กองปราบในวันนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การฟ้องร้องทางแพ่งจากการผิดสัญญาเท่านั้น แต่เราต้องการให้มีการตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ว่า บริษัทฯ ดังกล่าว มีเจตนาทุจริตตั้งแต่เริ่มต้นว่าจ้างงานในปี 2567 หรือไม่ เพราะเป็นการหลอกลวงผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากให้ทำงานทั้งที่ทราบดีว่าไม่มีความสามารถหรือไม่มีเจตนาที่จะจ่ายเงิน” จ่าคิงส์กล่าว

ด้าน ”อาจารย์มานพ สีเหลือง“เชี่ยวชาญด้านบัญชี เปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบงบการเงินของบริษัทเอกชนแห่งนี้ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้เสียหายสามารถจะนำไปประกอบการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ในการดำเนินคดี มีประเด็นน่าสงสัยต่างๆ

-ฐานะการเงินวิกฤต จากการวิเคราะห์งบฐานะการเงินที่ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่าบริษัทฯ มีหนี้สินรวมสูงกว่าสินทรัพย์รวมอย่างมีนัยสำคัญ และมี ผลขาดทุนสะสมต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ชัดเจนว่าบริษัทไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ ณ ช่วงเวลาที่รับงานและก่อให้เกิดความเสียหาย
-ค่าใช้จ่ายสูงผิดปกติ เมื่อพิจารณางบกำไรขาดทุน พบว่ารายการ ค่าใช้จ่ายในการบริหารและดำเนินงานมีสัดส่วนสูงเกินปกติ เมื่อเทียบกับรายได้รวม ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเงินทุนที่เข้ามาในบริษัทอาจถูก ถ่ายโอน หรือ โยกย้าย ออกไปในรูปแบบของค่าใช้จ่ายที่อาจไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจตามปกติ
-บริษัทฯ ได้รับเงินกู้จำนวนหลายร้อยล้านบาทจากบริษัทที่จดทะเบียนใน หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน (BVI) ซึ่งเป็นเขตที่มุ่งเน้นการปกปิดข้อมูล รายการเงินกู้ขนาดใหญ่นี้ถือเป็นรายการที่ ผิดปกติวิสัย สำหรับบริษัทที่มีฐานะการเงินอ่อนแอเช่นนี้ อีกทั้งบริษัทที่ปล่อยกู้เองก็มีพฤติการณ์ทางการเงินที่ผิดปกติ คือ ขาดทุนต่อเนื่องเช่นกัน และยังมีความเชื่อมโยงทางโครงสร้างกับผู้ก่อตั้ง/กรรมการของบริษัทผู้ว่าจ้าง

“ตนขอเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างเร่งด่วนถึงแหล่งที่มาและวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเงินกู้ก้อนนี้ เนื่องจากโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทที่ขาดทุนทั้งคู่ และการใช้เงินทุนจากเขตปลอดภาษี บ่งชี้ว่านี่อาจไม่ใช่การดำเนินการทางธุรกิจโดยปกติทั่วไป“

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนหวังว่าการเข้าพึ่งกองปราบปรามในครั้งนี้ จะนำไปสู่การตรวจสอบเชิงลึกและการดำเนินการทางกฎหมายที่รวดเร็วและเป็นธรรม เพื่อให้ได้รับค่าจ้างที่ค้างจ่ายมานานเกือบปี และดำเนินคดีกับผู้ที่มีเจตนาทุจริตในการว่าจ้างต่อไป

หลังเข้าพบ พงส.กก.1 บก.ป. ตรวจสอบพยานหลักฐานที่ ผสห.นำมาร้องให้สอบสวนเอาผิดบริษัทเอกชนแห่งนี้แล้ว พบว่า มี ผสห.จำนวน 5 รายได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อ พงส.สน.ประชาชื่น ก่อนขาดอายุความ 3 เดือน จึงแนะนำให้กลับไปพบ พงส.อีกครั้งแจ้งความประสงค์ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงต่อไป
ส่วน ผสห.นอกจากนั้นไม่สามารถเอาผิด “ม.”ไฮโซสาวและบริษัทดังกล่าวได้เพราะขาดอายุความ แต่จะพิจารณาดำเนินคดีในส่วนการฟอกเงินหรือไม่อย่างไรต่อไป

 

About The Author

Related posts