ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้อง“แพรรี่-จตุรงค์”หมิ่นประมาท-ดูหมิ่นด้วยการโฆษณา” หลวงพี่น้ำฝน ในโหนกระแส ปมวิจารณ์ “ลงนะหน้าทอง”

ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้อง“แพรรี่-จตุรงค์”หมิ่นประมาท-ดูหมิ่นด้วยการโฆษณา&#82…

Read More

ตร.รวบ 2 มือพ่นสเปรย์ทับงานศิลปะสเปนระดับโลก อ้างเข้าใจผิดคิดว่าโดน“บั๊บ“ บก.น.6 ตามรวบผู้ต้องหาได้แล้ว 2 ราย ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ กรณีใช้สีสเปรย์พ่นทับงานศิลปะของศิลปินชาวสเปนระดับโลก ในกิจกรรม Krung Thep Creative Streets บริเวณซอยเจริญกรุง 30 โดยผู้ต้องหาให้การอ้างว่า เข้าใจผิดว่าเป็นงานศิลปะของกลุ่มอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน จึงตั้งใจ “บั๊บ” เพื่อประกาศศักดาของกลุ่มตนเอง ความคืบหน้าการจับกุม จากกรณีที่ กรุงเทพมหานคร ได้เข้าแจ้งความและขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุวัยรุ่น 3 คน ที่ร่วมกันพ่นสีสเปรย์ทำลายงานศิลปะในกิจกรรม Krung Thep Creative Streets ของศิลปินชาวสเปน บริเวณปากซอยเจริญกรุง 30 เมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น. ดูแลงานสืบสวน, พล.ต.ต.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6), พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร รอง ผบก.น.6 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ธรรมศักดิ์ สารบุญ ผู้กำกับการ สน.บางรัก, พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผู้กำกับการสืบสวน บก.น.6 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธนพรหม ธนอาภากร รอง ผกก.สส.สน.บางรัก และชุดสืบสวน สน.บางรัก ติดตามจับกุมผู้ต้องหา คดีทำให้เสียทรัพย์ฯ ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายปรเมฆ หรือ เมฆ (สงวนนามสกุล)ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ987/2568 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2568 และ นายชิติสรรค์ (สงวนนามสกุล) หรือ พู ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ988/2568 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2568 จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การว่า ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาบริเวณดังกล่าว และเห็นภาพวาดศิลปะแล้ว เข้าใจผิดคิดว่าเป็นผลงานของกลุ่มอื่นกลุ่มหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายกล่อง จึงมีความตั้งใจที่จะ “บั๊บ” (พ่นทับ) เพื่อเป็นการประกาศศักดาและแสดงผลงานของกลุ่มตนเองว่าทำได้ดีกว่า ทั้งคู่จึงได้ไปหาซื้อกระป๋องสีดำ 2 กระป๋อง และสีบรอนซ์เงิน 2 กระป๋อง มาใช้ก่อเหตุพ่นทับงานศิลปะดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำโดยพนักงานสอบสวน สน.บางรัก เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

บก.น.6 ตามรวบผู้ต้องหาได้แล้ว 2 ราย ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ กรณีใช้สีสเปรย์พ่นทับงานศิ…

Read More

”บิ๊กโจ๊ก“ ทวงถามความคืบหน้าคดีสอบวินัย ปธ.ศาลปกครองสูงสุด ปมแทรกแซงคดี จ่อฟ้อง ผู้บริหารศาลปกครองสูงสุดอีกราย วันที่ 3 ต.ค. 68 ที่ศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล (บิ๊กโจ๊ก) อดีตรอง ผบ.ตร. มายื่นหนังสือเพื่อติดตามความคืบหน้า กรณีการแจ้งดำเนินกาคทางวินัย กับประธานศาลปกครองสูงสุดและประธานแผนกคดีฯ โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า วันนี้ ตนเองมาติดตามความคืบหน้าคดี ที่ได้ยื่นดำเนินคดีทางวินัยกับผู้บริหารศาลปกครองทั้ง 2 ท่าน เพราะมีพฤติกรรมประวิงเวลา เพื่อริให้มีการเปลี่ยนแปลงองค์คณะเจ้าของสำนวนคดีใหม่ เนื่องจากตุลาการในองค์คณะเกษียณแล้ว 4 ท่าน และต้องมีการแต่งตั้งตุลาการคนใหม่ เข้ามาทำหน้าที่แทน ทำให้ตนเองกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะขนาดคำขอทุเลาการบังคับคดี ยังมีการแทรกแซง เปลี่ยนผลการพิจารณาขององค์คณะเจ้าของสำนวน เป็นการลงมติโดยที่ประชุมใหญ่ของตุลการศาลปกครองสูงสุดแทน ทำให้ตนเองได้รับความเสียหาย ส่วนคดีที่ได้ยื่นฟ้อง ผู้บริหารศาลปกครองสูงสุด 2 ท่านไว้ที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ นั้น ก็จะได้มีการนำเอกสาร ที่มาติดตามความคืบหน้าคดี ไปยื่นเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังบอกด้วยว่า ในสัปดาห์หน้า จะไปยื่นฟ้อง ตุลาการศาลปกครองสูงสุดท่านหนึ่ง ที่ออกมาพูดพูดกับเจ้าหน้าที่ศาลว่า “ฉันเกลียดไอ้โจ๊กมันนะ” ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะว่า การพิจารณาอรรถคดี เป็นการพิจารณาในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้นจะต้องพิจารณาคดีอย่างปราศจากอคติและมีความเป็นกลาง โดยจะนำพยานบุคคล ไปขึ้นเบิกความในชั้นศาล /////

”บิ๊กโจ๊ก“ ทวงถามความคืบหน้าคดีสอบวินัย ปธ.ศาลปกครองสูงสุด ปมแทรกแซงคดี จ่อฟ้อง ผู้บริหารศ…

Read More

รองเต่า เผย ผบช.ก.สั่งรวมเรื่องวัดนาป่าพง เป็นคดีเดียวกันโดยให้ ปปป.เป็นผู้รับผิดชอบ ภายหลังสอบปากคำสีกายุ นานกว่า 1 ช.ม. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า เป็นเรื่องการสอบปากคำเพิ่มเติม ครั้งที่แล้วสอบไว้ในรายละเอียดตั้งแต่มาร้องทุกข์แจ้งความกล่าวโทษดำเนินคดี วันนี้ได้นำเอกสารเพิ่มเติมที่มีการเคลื่อนไหวของเงินที่อยู่ในมูลนิธิฯ ไปสู่กองทุนซึ่งเป็นเรื่องเดียวกัน เมื่อวานตนได้คุยรายละเอียดกับ ผบก.ปปป. และ ผกก.สรุปรวมเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ส่งไปที่ ป.ป.ช. เรามาพิจารณาเป็นเรื่องๆ เราดูตั้งแต่ต้นทางเงินที่ออกมาจากวัด ผ่านบัญชีบุคคลผ่านสู่ สีกายุ แล้วปลายทางไปสู่กองทุนแห่งหนึ่ง รู้ว่าตั้งแต่ต้นทางเป็นความผิดหรือไม่ แล้วพอไปสู่ทางเป็นคดีเกี่ยวข้องกับนอกราชอาณาจักรด้วย ก่อนที่เงินจะลงไปในกองทุน ดูว่ามันผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ซึ่งตำรวจจะไปดูตรงจุดนี้ ต้องหาข้อมูลบางส่วนตรงจุดนี้ กองปราบได้ดำเนินการขอสเตทเม้นท์ที่เกี่ยวข้อง สเตทเม้นท์อันไหนที่เราต้องการขอไปรวมประมาณ 10 ปี โดยขอเป็นเคสๆ ทางกองบังคับการปราบปรามกำลังรวบรวมสเตทเม้นท์ ซึ่งทางผู้บัญชาการได้ให้ส่งเรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริงมาที่ กก.2 บก.ปปป. รับผิดชอบทำคดีเพียงหน่วยเดียว สเตทเม้นท์ ส่วนใหญ่ ที่ขอไปจะได้มาในวันจันทร์อังคารนี้ ซึ่งจะได้ตรวจสอบข้อมูลตามที่ทนายมาร้องไว้ เรื่องโอนที่ดินมีการฟ้องร้องกันจบไปแล้วแต่ประเด็นกำลังดูว่าผิดกฎหมายหรือไม่กำลังตรวจสอบอยู่ ที่มีการโอน ให้วัดแต่กลายเป็นชื่อพระคึกฤทธิ์ ผู้ที่บริจาคให้มองว่าไม่ตรงวัตถุประสงค์ซึ่งมีการฟ้องร้องและเอากลับไปเป็นข้อกฎหมายว่าผิดหรือไม่อย่างไรต้องไปตรวจสอบกันก่อน ส่วนเรื่องรถ เงินกฐิน ทาง บช.ก.จะทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา แต่ต้องขอเวลาเนื่องจากหลักฐานที่ให้มา เป็นแค่เพียงแนวทางการสืบสวนสอบสวน แต่เวลาเราทำงานจะต้องขอสเตทเม้นท์ใหม่รื้อมาใหม่เพื่อทำงานตำรวจจะต้องทำโดยมีพยานหลักฐานมีการสอบปากคำเพิ่มเติมขอเวลาในการทำสักนิดทำไวไม่ได้จะต้องประสานกับธนาคาร และบริษัท หรือผู้เกี่ยวข้อง ทั้งหมดที่ให้การ ขณะนี้ยังไม่มีการเชิญพระคึกฤทธิ์มาให้ปากคำขอเวลาตรวจดูพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ว่าจะต้องดำเนินการอะไรอย่างไรบ้าง ส่วนกรณีที่สีกายุ แจ้งว่ามีกลุ่มบุคคล ติดตามเธอไปยังบ้านพักนั้น พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวว่าได้ขอรายละเอียดจากเจ้าตัวมาแล้ว คลิปภาพวิดีโอที่บันทึกได้รวมทั้งทะเบียนรถกำลังให้ทำการตรวจสอบอยู่ว่ามาเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ทราบว่าทางเจ้าตัวได้ร้องให้ทางกรมคุ้มครองคดีมาช่วยดูแลส่วนหนึ่งแล้วทาง บช.ก. เราก็จะช่วยดูแลอีกส่วนหนึ่งด้วย ซึ่งทางเจ้าตัวยินดีให้ข้อมูลกับเราเราก็ยินดีที่จะส่งคนไปช่วยคุ้มครองดูแลความปลอดภัยให้กับเธอด้วย

ภายหลังสอบปากคำสีกายุ นานกว่า 1 ช.ม. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า เป็น…

Read More

ปอศ.ทลายแหล่งส่งออก “นาฬิกาปลอมเกรดพรีเมี่ยม” กลางกรุง ยึดกว่า 800 เรือน มูลค่าความเสียหายทะลุ 50 ล้านบาท กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เดินหน้ากวาดล้างสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บุกทลายแหล่งจำหน่ายนาฬิกาปลอมแบรนด์หรู ย่านสัมพันธวงศ์ กลางกรุงเทพมหานคร ยึดของกลางรวมกว่า 809 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 50 ล้านบาท พร้อมรวบผู้ต้องหาได้ 3 ราย การเข้าตรวจค้นครั้งนี้ เป็นไปตามการสืบทราบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. ว่ามีการลักลอบจำหน่ายนาฬิกาปลอมเครื่องหมายการค้า โดยโฆษณาขายผ่านช่องทางออนไลน์และเว็บไซต์ในราคาสูงถึง “เรือนละกว่าสองหมื่นบาท” อ้างเป็น “นาฬิกาเกรดท็อปสุด” ที่เหมือนของแท้ โดยมีพฤติการณ์ส่งออกไปยังต่างประเทศ ปฏิบัติการค้น 3 จุด ยึดของกลางกว่า 20 แบรนด์หรู ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. พร้อมด้วยตัวแทนผู้ปกป้องสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา ได้นำหมายค้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เข้าตรวจค้นร้านค้าไม่มีชื่อในอาคารตลาดกลางกรุง ย่านสัมพันธวงศ์ จำนวน 3 จุดตรวจค้น ผลการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย น.ส.จิรัฏฐ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี, นายชาตรี (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี, และ นายมนัสพันธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี โดยทั้ง 3 รายรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดนาฬิกาปลอมเครื่องหมายการค้าไว้เป็นของกลางรวมจำนวน 809 ชิ้น ครอบคลุมแบรนด์หรูระดับโลกกว่า 20 รายการ อาทิ TAG Heuer, Panerai, Patek Philippe, Rolex, Hublot, Omega, Audemars Piguet, Louis Vuitton และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งนาฬิกาส่วนใหญ่ถูกซุกซ่อนไว้ภายในร้านค้าดังกล่าว ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกดำเนินคดีในฐานความผิด “มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร” และถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป CIB เตือนภัยซื้อ “นาฬิกาปลอม” เสี่ยงต่อสุขภาพ ทรัพย์สิน และเป็นภัยต่อเศรษฐกิจ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้ออกมาเน้นย้ำถึงอันตรายของการซื้อและจำหน่ายนาฬิกาปลอม โดยระบุว่าปัญหาดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง ไม่เพียงแต่ต่อความเสียหายทางเศรษฐกิจในระดับมหภาคและภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของการลงทุนในระดับนานาชาติ แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อผู้บริโภคด้วย -ภัยต่อสุขภาพ นาฬิกาปลอมมักผลิตจากวัสดุคุณภาพต่ำ ซึ่งอาจมีสารเคมีหรือโลหะที่ก่อให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองผิวหนัง -ความเสียหายทางทรัพย์สิน สินค้าเหล่านี้มีความทนทานต่ำ ชำรุดง่าย และไม่มีการรับประกันที่น่าเชื่อถือ ทำให้ผู้ซื้อต้องมีภาระค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนในการซ่อมแซมหรือซื้อใหม่ -สนับสนุนอาชญากรรม การซื้อสินค้าปลอมเป็นการสนับสนุนห่วงโซ่อาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและธุรกรรมผิดกฎหมายระดับสากล ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ CIB ยืนยันว่า จะดำเนินการกวาดล้างสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวด และขอความร่วมมือประชาชน หากพบเบาะแสการจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมในลักษณะเดียวกัน สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ เว็บไซต์ https://cib.go.th/ หรือ Facebook ตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อร่วมกันสร้างความตระหนักรู้และป้องกันภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเ…

Read More

“สีกายุ” ให้ปากคำรอบ 2 แจงปมเงิน 12 ล้าน-หวาดผวาชายฉกรรจ์บุกบ้านต่างจังหวัด

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ต.ค.68 ที่ บช.ก.“สีกายุ” หรือ นางสาวกัญญาภัค ชไนเดอร์ พร…

Read More

ตร.รวบ “ปุ้ย ห้วยขวาง” แทงเพื่อนสนิทดับคาที่ แค้นถูกด่า”จน” – ตร.เร่งสอบหาสาเหตุจริง

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 68 ตำรวจสืบสวน สน.ดินแดง ได้จับกุมตัว นายเอกสิทธิ์ หรือ “ปุ้ย ห้ว…

Read More

CIB ทลายแหล่งปลอม “กาวตราช้าง” ยกเครือข่าย! ค้น 6 จุด ยึดของกลางกว่า 2.1 หมื่นชิ้น มูลค่า 1.5 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ปฏิบัติการทลายเครือข่ายผลิตและจำหน่ายกาววิทยาศาสตร์อีพ็อกซี่ (กาวตราช้าง) ปลอมเครื่องหมายการค้า ALTECO ครั้งใหญ่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกป้องสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาของแบรนด์สินค้า การปฏิบัติการครั้งนี้ได้เข้าตรวจค้นสถานที่เป้าหมายที่เกี่ยวข้องกันจำนวน 6 จุด ในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร และอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โดยสามารถจับกุม นายสรสิชฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี ผู้ต้องหา ซึ่งให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ตรวจยึดของกลางจำนวนมากและกลวิธีสร้างความน่าเชื่อถือปลอม จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดของกลางรวมทั้งสิ้น 21,894 ชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 1,500,000 บาท ประกอบด้วย กาววิทยาศาสตร์อีพ็อกซี่ (กาวตราช้าง) ปลอมเครื่องหมายการค้า ALTECO และกล่อง/บรรจุภัณฑ์ที่ปลอมเครื่องหมายการค้า ALTECO พฤติการณ์และฐานความผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. ได้สืบสวนติดตามกลุ่มบุคคลที่ตระเวนขายส่งกาวปลอมยี่ห้อ ALTECO ให้แก่ร้านค้าปลีกทั่วไป จนนำมาสู่การขอหมายค้นจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเข้าตรวจค้น 6 จุดพร้อมกัน สิ่งที่น่าสนใจคือการตรวจสอบของกลางสินค้าปลอม เจ้าหน้าที่พบว่าผู้ต้องหาได้มีการใส่กระดาษประกาศเตือนของปลอม พร้อมทั้งแอบอ้างให้รางวัลนำจับสำหรับผู้ที่ให้เบาะแส และมีวิธีสังเกตสินค้าปลอม (ที่สร้างขึ้นเอง) ใส่ไว้ในลังสินค้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความแนบเนียนให้กับตัวสินค้า ทั้งที่สินค้าที่ตรวจยึดนั้นเป็นของปลอมทั้งหมด การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน “มีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมและเลียน เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร” ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 CIB เตือนภัยและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้ออกมาเตือนภัยถึงอันตรายของการใช้กาววิทยาศาสตร์อีพ็อกซี่ปลอม เนื่องจากสารเคมีที่ใช้ในการผลิตอาจไม่มีการตรวจสอบมาตรฐาน อาจมีสารก่อมะเร็ง และทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้บริโภคโดยตรง นอกจากนี้ การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเช่นนี้ ยังส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ทั้งการลดรายได้จากภาษี, กระทบต่อผู้ประกอบการและแรงงานที่สุจริต, รวมถึงการบ่อนทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในระบบอุตสาหกรรมของประเทศ CIB ยืนยันว่าจะดำเนินการกวาดล้างสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวด ขอความร่วมมือประชาชน CIB ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าปลอม และร่วมมือกับภาครัฐในการแจ้งเบาะแส หากพบเห็นการจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง Website : https://cib.go.th/ หรือ Facebook ตำรวจสอบสวนกลาง

กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ปฏิบัติการทลายเค…

Read More

“สีกายุ” หอบหลักฐานพบตำรวจ ปปป. ยืนยันเงิน 12.2 ล้านไม่ได้อยู่ในบัญชีวัด แต่ถูกพระคึกฤทธิ์นำไปลงทุนในกองทุน ซึ่งปัจจุบันขาดทุนอยู่ 1 หมื่นยูโร หรือ 3.8 แสนบาท พร้อมยืนยันไม่ได้ยักยอกเงิน มีเอกสารรับรองจากรัฐบาลเยอรมัน ส่วนเหตุแตกคอเพราะรับไม่ได้ที่พระคึกฤทธิ์ไม่ยอมให้ออกใบปวารณาให้ผู้บริจาค

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 68 ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สีกายุ หรือ สีกาพลอย หรือ น.ส.กัญญาภั…

Read More

ตะลึง! กล่องลังผลไม้กลายเป็นบุหรี่เถื่อน: บก.ปคบ. ทลายเครือข่ายลักลอบขายผ่านออนไลน์ ยึดของกลางกว่า 5 ล้านบาท

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค …

Read More