เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 7 พ.ย. ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.สส.บก.น.6 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น., สืบสวน บก.น.6 ร่วมกันแถลงผลจับกุมตัว ผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายคชา วุฑฒกนก อายุ 25 ปี 2. นายนัธทวัฒน์ นพรัตนสุวรรณ อายุ 29 ปี และ 3.นายอานุวัฒน์ โสภาภิญ อายุ 25 ปี ทั้งสามเป็นกลุ่ม LGBTQ พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ iPhone จำนวน 6 เครื่อง,อุปกรณ์คอมพิวเตอร์, รองเท้า-กระเป๋า แบรนด์เนมจำนวนมาก และ ตุ๊กตาอาร์ตทอย ขนาดใหญ่ 1 ตัว มูลค่ากว่า 4 หมื่นบาท, เครื่องปริ้นท์ 1 เครื่อง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 1104-1105-1088 (ตามลำดับ) ลงวันที่ 6 พ.ย.68
โดยแจ้งข้อหาว่า “ร่วมกันปลอมเอกสารราชการและร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ร่วมกันแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่ น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือรับของโจร” จับกุมนายคชา ได้ที่บ้านเลขที่ 99/181 โครงการบ้านกลางเมือง ย่านพระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา เขตสะพานสูง กทม. จับนายนัธทวัฒน์ ได้ที่ไม้สวยรีสอร์ท อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ส่วนนายอนุวัฒน์ จับได้ที่คอนโดกลางกรุงย่านพระราม 9 กทม.

พล.ต.ต.โชติวัฒน์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ได้มีทนายความชาวฝรั่งเศสเจ้าของสำนักงานกฎหมาย เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.บางรัก หลังถูกมิจฉาชีพแฮ็กข้อมูลระบบออนไลน์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ปลอมเอกสารสวมชื่อเป็นกรรมการบริษัท ก่อนนำเอกสารไปเปิดบัญชีธนาคารใหม่ และถอนเงินจนหมดบัญชี รวมเป็นเงิน 18 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 วัน โดยเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 68 มิจฉาชีพได้ปลอมแปลงเอกสาร และยื่นเรื่องผ่านระบบออนไลน์ของ DBD เพื่อขอเพิ่มชื่อคนร้ายเข้าไปเป็น กรรมการบริษัท 1 คน ต่อมาวันที่ 7 ต.ค. 68 ระบบออนไลน์ของ DBD ได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้มิจฉาชีพมีชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จากนั้นคนร้ายได้ใช้สิทธิ์นี้เข้าไปแก้ไขข้อมูลในระบบ และถอดชื่อนายโลร็องต์และผู้ถือหุ้นจริงออกจากบริษัททั้งหมด และในวันที่ 8 ต.ค. 68

ต่อมาช่วงเช้า มิจฉาชีพ ได้นำเอกสารรับรองบริษัทฉบับใหม่ ที่มีชื่อตนเองเป็นกรรมการไปติดต่อธนาคารแห่งหนึ่งเพื่อขอเปิดบัญชีใหม่ในนามบริษัท และทำการถอนเงินสดออกไปทันทีก้อนแรก 8 ล้านบาท กระทั่งวันที่ 9 ต.ค. 68 ช่วงเช้า นายโลร็องต์ ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ทราบถึงความผิดปกติ จึงพยายามติดต่อธนาคารเพื่อขอระงับบัญชี แต่ธนาคารแจ้งว่าไม่สามารถทำได้ทันที เนื่องจากต้องใช้เอกสารการแจ้งความจากตำรวจและในวันเดียวกัน ขณะที่ผู้เสียหายกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อเข้าแจ้งความที่ สน.บางรัก มิจฉาชีพได้ใช้จังหวะดังกล่าวทำการถอนเงินที่เหลืออีกหลายครั้ง ครั้งละ 1 ถึง 4 ล้านบาท จนเกลี้ยงบัญชี
รวมยอดความเสียหายทั้งสิ้น 18 ล้านบาท
จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาได้อาศัยช่องว่างขณะที่เข้าไป สมัครงานในบริษัทใช้รหัสแฮ็กข้อมูลคอมพิวเตอร์และเปลี่ยนแปลงธุรกรรมต่าง ๆ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียง 1 วัน ส่วนเป้าหมายการเลือกบริษัทเชื่อว่า มาจากการศึกษาประวัติว่าแต่ละบริษัทมีทุนประกอบการเท่าไหร่ เบื้องต้นคาดว่ากลุ่มผู้ต้องหาอาศัยความชำนาญ เนื่องจากพบว่ามี 1 ในผู้ต้องหาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ด้านการเทรดการลงทุนในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
จากแนวทางการสืบสวนพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งแรกท้องที่ สน.ทองหล่อ ได้เงินไป 1.6 ล้าน, สน.ห้วยขวาง ได้เงินไป 12 ล้าน และ สน.บางรัก ได้เงิน 18 ล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 31.6 ล้านบาท โดยนำเงินไปซื้อของแบรนด์เนม ใช้ชีวิต เที่ยวกิน ซื้อ-เช่ารถหรู โดยทั้งสามคนแบ่งหน้าที่กันทำ นายอานุวัฒน์ เข้าสมัครงานจนสามารถเข้าข้อมูลหลังบ้านบริษัทได้ และเปลี่ยนแปลงข้อมูลบริษัท และนายนัธทวัฒน์ สวมชื่อเป็นกรรมการคนใหม่ ก่อนแจ้งความสมุดบัญชีหาย เพื่อถอนเงินออกจากบริษัท โดยมีนายคชา พานายนัธทวัฒน์ไปถอนเงิน
และพบว่ายังมีกลุ่มแก๊งที่ก่อเหตุลักษณะนี้อยู่อีกด้วย
จากการสอบปากคำเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสามคนให้การภาคเสธโดยยอมรับว่า เป็นบุคคลตามหมายจับ แต่ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่จากการ
ตรวจค้น พบสิ่งของที่น่าเชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด 5 รายการ จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ทั้ง รถยนต์หรู และของกลางดังกล่าว พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน นำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางรัก แจ้งข้อหาตามหมายจับดำเนินคดีตามกฎหมาย และขยายผลสืบสวนสำหรับติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลืออย่างถึงที่สุด
