กัน จอมพลัง” จัดหนัก เปิดเสียงผีหลอกชายแดนหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว! สังคมวิจารณ์สนั่น ถึงเส้นแบ่งระหว่าง ‘ยุทธวิธีปกป้อง’ กับ ‘การคุกคามทางจิตวิทยา’

กลายเป็นประเด็นร้อนระดับประเทศในชั่วข้ามคืน เมื่อ “กัน จอมพลัง” อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง และประธานมูลนิธิกันจอมพลัง ได้นำรถเครื่องเสียงขนาดใหญ่เข้าสู่พื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณ บ้านหนองจาน และ บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว พร้อมเปิดเสียง “ผีหลอก เสียงโหยหวน” และเสียงอื่น ๆ ข้ามพรมแดนไปยังหมู่บ้านฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็น “ยุทธวิธีสร้างสรรค์” ในการกดดันและส่งสัญญาณถึงผู้ที่บุกรุกเข้ามาในพื้นที่อธิปไตยของไทย

ปฏิบัติการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่มีรายงานว่ามีชาวกัมพูชาบางส่วนเข้ามาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่พิพาทที่ไทยยืนยันอธิปไตยอย่างชัดเจน แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามใช้การสื่อสารอย่างระมัดระวัง แต่ความเคลื่อนไหวของ “กัน จอมพลัง” ที่เข้าถึงประชาชนและตอบสนองความรู้สึกที่ว่าการดำเนินงานของภาครัฐล่าช้าเกินไป กลับกลายเป็นชนวนให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

เสียงวิจารณ์แตกเป็นสองฝ่าย

1.ฝ่ายสนับสนุน (คนในพื้นที่และผู้รักชาติ) มองว่าเป็นการแสดงออกถึงความห่วงใยต่อแผ่นดินและเป็น “เสียงเตือนแทนกำลัง” ที่ส่งไปถึงผู้รุกล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายงานว่าหลังจากเปิดเสียงหลอน ชาวกัมพูชาบางรายได้ทำพิธีจุดธูปและขอความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ออกมาแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจ “กัน จอมพลัง” โดยระบุว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชนได้มากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา และการเปิดซาวด์ผีไม่ทำให้ไทยเสียเปรียบในเวทีโลก

2. ฝ่ายคัดค้าน (นักสิทธิมนุษยชน) ได้ออกมาแสดงความกังวลอย่างหนักต่อการกระทำดังกล่าว นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา และนักสิทธิมนุษยชน ตั้งคำถามต่อรัฐบาลว่า การปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้ามากดดันหรือสร้างความหวาดกลัวในพื้นที่ขัดแย้ง อาจกระทบต่อหลักสิทธิมนุษยชนและภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีระหว่างประเทศ โดยมองว่าเป็นการ “คุกคามทางจิตวิทยา” ซึ่งอาจถูกอีกฝ่ายนำไปขยายผลร้องเรียนต่อข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN)

“กัน จอมพลัง” ได้โต้ตอบกลุ่มนักสิทธิมนุษยชนอย่างดุเดือด โดยตั้งคำถามว่า “วันนี้ท่านห่วงใยคนไทยหรือห่วงใยคนเขมร” และทำไมเมื่อฝั่งกัมพูชาทำการรุกคืบหรือมีเหตุการณ์รุนแรงในอดีต กลุ่มนักสิทธิฯ เหล่านี้จึงไม่เคยออกมาท้วงติง พร้อมประกาศว่า จะเดินหน้าปฏิบัติการต่อไป อย่างไรก็ตาม ล่าสุดวันนี้ (13 ตุลาคม 2568) เขาได้ประกาศยกเลิกการใช้รถแห่ซาวด์ผี โดยให้เหตุผลว่า “เลี่ยนความโลกสวยของนักสิทธิ” และหวังว่ากลุ่มนักสิทธิฯ จะหันมาปกป้องคนไทยที่ถูกกระทำบ้าง

ความขัดแย้งทางความคิดครั้งนี้ทำให้สังคมต้องกลับมาทบทวนถึงความสมดุลระหว่างการปกป้องอธิปไตยด้วยยุทธวิธีแบบใหม่ กับการรักษามารยาทและหลักการสิทธิมนุษยชนในเวทีโลก ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า การแสดงออกดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไรต่อไป

About The Author

Related posts