“ทนายอั๋น“ จี้ “ดีเอสไอ” ออกหมายผู้ต้องหาคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. เพิ่มเติมกับกลุ่มจังหวัดอำนาจเจริญ 15 ราย หลังพบเส้นเงินโยง “ญ. เครือข่ายพรรคการเมืองใหญ่ มือขวาขาใหญ่อำนาจเจริญ“ – ”ร. ฝ่ายการเงินพรรคการเมืองใหญ่“ หลังดีเอสไอและอัยการสรุปสำนวนเชือดไปก่อนล็อตแรก “8 ผู้ต้องหา”
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 ธ.ค. ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้เร่งดำเนินการในคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน (ฮั้ว สว.) โดยการออกหมายเรียกบุคคลผู้กระทำความผิดเพิ่มเติมจากเดิม ด้วยสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ประกาศยุบสภา ทำให้อำนาจทางการเมืองที่จะเข้ามาแทรกแซงการทำงานของหน่วยงานเป็นไปได้ยาก หรือน้อยลง ดังนั้น ดีเอสไอจึงต้องอาศัยจังหวะนี้รีบดำเนินการตามกระบวนการเดิม ก่อนการมาของรัฐบาลชุดนายอนุทิน ต่อไป ซึ่งอาจเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษมีความจริงใจ ตรงไปตรงมาในการปฎิบัติหน้าที่ เช่น รีบออกหมายเรียกให้บุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมมารับทราบข้อกล่าวหา เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้นำรูปภาพแผนผังเส้นทางการเงินของกลุ่มหัวเลือกตั้ง สว. จังหวัดอำนาจเจริญ ที่เชื่อมโยงไปยัง สส.ในจังหวัดภาคใต้ โดยมี นายสมเกียรติ เพชรประดับ ผอ.ส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ เป็นตัวแทนรับเรื่อง

โดย นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ กล่าวว่า ตนทราบว่าล่าสุดดีเอสไอได้มีการสรุปสำนวนอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ส่งฟ้องผู้ต้องหา 8 รายให้อัยการคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว แม้คนจะมองว่าคดีมีความคืบหน้าจริง แต่ตนยังมองว่าไว้ใจไม่ได้ เพราะหากมีแค่ 8 ราย แล้วตัดจบเพียงเท่านี้ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะหลักฐานที่ตนมีมันบ่งบอกถึงเส้นทางการเงินของคนอีกมากที่ไม่ได้มีแค่ 8 รายนี้ และตนยังมีสมมติฐานมาตลอดด้วยว่าคดีนี้จะตัดจบแค่ 8 ราย รวมถึงในส่วนของคดีการฮั้วเลือก สว. ตามกฎหมายของ กกต. ก็จะมีการล้มคดีหลังยุบสภาไม่เกิน 2 อาทิตย์ วันนี้ก็ได้เห็นเค้าลางแล้ว นอกจากนี้ ตนได้รับรายงานว่า คณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง คณะที่ 36 ได้มีความเห็นทางสำนวนคดีฮั้วเลือก สว. และเสนอไปยังคณะกรรมการ กกต. ชุดใหญ่เรียบร้อยแล้ว ส่วนจำนวนว่ามีการดำเนินคดีกี่รายจาก 229 รายที่คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 เคยส่งฟ้องนั้น ตนไม่แน่ใจ แต่คงแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ กลุ่มที่เห็นด้วยให้สั่งฟ้องคดีฮั้วเลือก สว. และก็มีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยสั่งฟ้องดำเนินคดี เพราะถ้าอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคบางพรรค ก็จะถูกตัดตอนทิ้งไป และว่ากันว่า ประธาน กกต. คนใหม่นี้ ที่ได้รับมติผ่านการคัดเลือกมาจาก สว. แต่ไม่เคยเป็นกรรมการมาก่อน แต่กลับได้มาเป็นประธาน กกต. ซึ่งตนมองว่าคุณสมบัติก็ไม่ได้ดีเลิศในคดีเลือกตั้ง แต่เขาว่ากันว่าวัดกันที่เรื่องมืออ่อนเซ็นง่าย จึงขอให้จับตาดูว่าจะมีการล้มคดีฮั้วเลือก สว. ภายในสิ้นปี 2568 หรือไม่ เพราะถ้าหากไม่ได้ล้มคดีเลือก สว. แล้วตนมีวาสนาไปลงสมัคร สส. ตนจะไม่ปล่อยให้คดีใดก็ตามที่มีพรรคการเมืองบางพรรคคารายชื่อเป็นผู้ต้องหาอยู่ได้ไปต่อ และจะไม่ให้ตัดจบง่าย ๆ

ทนายอั๋น กล่าวอีกว่า วันนี้ตนเดินทางมายื่นหนังสือต่ออธิบดีดีเอสไอ ก็เพราะว่าการมาของนายอนุทิน ชาญวีรกูล และ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม ก็มาทำหน้าที่ตรงนี้ได้เกือบ 100 วันแล้ว กลับพบว่าคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ได้ถูกดองไปเลย แต่ตอนนี้สถานการณ์การเมืองมันเปลี่ยนไป มีการประกาศยุบสภาไปแล้ว ซึ่งนายอนุทิน จะมีวาสนามานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือ พล.ต.ท.รุทธพล จะมีวาสนามาเป็น รมว.ยธ. อีกหรือไม่ อย่างไร วันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่อธิบดีดีเอสไอ จะรีบพิจารณาออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพิ่มเติม ที่ไม่ใช่แค่ล็อตแรก 8 รายดังกล่าว นี่จะเป็นข้อพิสูจน์ของดีเอสไอว่าตรงไปตรงมา ถูกที่ถูกทางหรือไม่ นี่คือช่วงเวลาที่การเมืองจะเข้าแทรกแซงได้น้อยที่สุด
ทนายอั๋น เผยถึงเส้นทางการเงินขบวนการฮั้ว สว. ตอนที่ 4 ว่า หากจำกันได้ ในช่วงที่ กกต. ได้ลงพื้นที่สอบสวนปากคำพยานในจังหวัดอำนาจเจริญ แต่ปรากฏว่ามีบุคคลสำคัญในเรื่องนี้ อักษรย่อ ญ. ได้โอนเงินให้ กกต. รวมจำนวน 870,000 บาท โดยโอนครั้งแรกวันที่ 7 พ.ค.67 และครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 28 ม.ค.68 ซึ่งในจำนวน 870,000 บาทนี้ จะมีก้อนใหญ่ที่สุดถูกโอนไปเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.67 จำนวน 500,000 บาท นอกจากนี้ ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 รายที่ถูกดีเอสไอและอัยการส่งฟ้องในคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ล่าสุดนั้น ก็มีความเชื่อมโยงทางการเงินกับนักการเมือง อักษรย่อ ช. ที่อยู่ในจังหวัดแถวภาคเหนือตอนล่างกลางตอนบน อีกทั้ง ญ. รายสำคัญดังกล่าว ยังถือเป็นมือขวาของขาใหญ่ในจังหวัดอำนาจเจริญด้วย โดยมีมือซ้ายเป็นบุคคลอักษรย่อ ร. คอยทำหน้าที่กระจายเงินให้กลุ่มต่าง ๆ ในจังหวัดอำนาจเจริญ และโอนเงินให้ สว.สอบตก และผู้สมัคร สว.ต่าง ๆ ซึ่ง “ร.” รายนี้ก็รับโอนเงินมาจาก “ญ.” และยังว่ากันว่า ร. เป็นฝ่ายการเงินของพรรคการเมืองบางพรรคในภาคอีสานอีกด้วย ทั้งนี้ นอกจาก ญ. จะโอนเงินให้ ร. และ กกต. แล้วนั้น ญ. ยังโอนเงินให้ สส.ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี 500,000 บาท ซึ่งเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.68 ความเห็นดำเนินคดีของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 (ที่มีเจ้าหน้าที่ กกต. และดีเอสไอ) ก็ได้มีการสรุปสำนวนการสืบสวนดำเนินคดีแก่ สส.ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี / อักษรย่อ ร. / และอักษรย่อ ญ. ดังกล่าวด้วย ดังนั้น อยากถามอธิบดีดีเอสไอว่า พวกคนที่ถูกคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 ดำเนินคดีไปนั้น เหตุใดไม่มีปรากฏในสำนวนคดีอาญาอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ของดีเอสไอกับอัยการเลย ถูกตีตกนอกสำนวนหรือไม่ ตนจึงมองว่าไม่ควรตัดจบที่ผู้ถูกกล่าวหาเพียง 8 ราย เพราะมันชัดเจนสงสัยว่า ญ. รายนี้ อยู่ในจังหวัดอำนาจเจริญ แล้วโอนเงินไปให้ สส.ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำไม เนื่องด้วยไทม์ไลน์การโอนเงินมันเกิดขึ้นวันที่ 4 พ.ค.67 จำนวนเงิน 500,000 บาท โอนผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย ไหนจะช่วงเวลาที่ ญ. รายนี้โอนให้ กกต. จำนวน 500,000 บาท ก็ช่วงเวลาเดียวกัน มันจะอธิบายอย่างไร ถ้าไม่ใช่การโอนเงินเพื่อเป็นค่าสมัคร ค่าดูแลทีมงาน ค่าจัดการ เป็นต้น จนนำมาสู่ขบวนการฮั้วเลือก สว.

ทนายอั๋น ย้ำว่า ตนอยากให้ดีเอสไอออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพิ่มเติมในกลุ่มของจังหวัดอำนาจเจริญ จำนวนประมาณ 15 ราย เพราะคนเหล่านี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับเส้นทางการเงินแน่นอน.
