“บิ๊กเต่า” เปิดหน้าเคลียร์เดือด ย้ำไม่ใช่เด็กใคร ไม่ใช่ผลพวง “ตั๋วช้าง” ชี้การเติบโตตามผลงาน ตอบประเด็นคดีหมิ่นหลัง “บิ๊กโจ๊ก” พูดกระทบองค์กรตำรวจ ยันตรวจสอบทุกคลิป–ทุกคำ ใครบิดเบือนดำเนินคดีหมด ชูภารกิจกวาดล้างตำรวจไม่ดี ทำบ้านใหญ่ สตช. ให้สะอาดโปร่งใส
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 2 ธ.ค. ที่บริเวณหน้าตึกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดแถลงชี้แจงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ให้สัมภาษณ์ช่วงเช้าที่ผ่านมา พร้อมกล่าวถึงเรื่อง “ตั๋วช้าง” และการพาดพิงเจ้าหน้าที่ตำรวจบางรายว่าเพียง “ตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณ”

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า เช้าวันเดียวกัน บิ๊กโจ๊กเดินทางเข้ามาที่กองปราบปรามเพื่อให้ปากคำในคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ซึ่ง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจ เป็นผู้แจ้งความดำเนินคดี โดยพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และได้สอบปากคำบิ๊กโจ๊กในเบื้องต้น พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว โดยผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงรถยนต์ส่วนตัวของบิ๊กโจ๊กที่เพิ่งขับออกจากตึกสอบสวนกลาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า บิ๊กโจ๊กเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาจริง แม้จะยังไม่มีการออกหมายเรียกอย่างเป็นทางการ ซึ่งการเข้าพบเป็นไปตามสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา
ส่วนกรณีที่บิ๊กโจ๊กกล่าวพาดพิงบุคคลอื่นว่า “ได้ตั๋วช้างมา” และอาจเกี่ยวกับการตอบแทนบุญคุณผู้ใหญ่บางคน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ตนไม่ใช่ “เด็ก ผบ.ตร.” ไม่ได้เป็นเด็กของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. และไม่เคยทำงานรับใช้ผู้บังคับบัญชาคนใดเป็นพิเศษ การเติบโตในตำแหน่งราชการเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งสารวัตรยาวนาน 11 ปี รองผู้กำกับ 7 ปี และขึ้นรองผู้การตามระบบ โดยยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ได้มีการวิ่งเต้นใด ๆ และไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำว่าจะถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้การจนกว่าผู้ใหญ่จะแจ้ง พร้อม ย้ำว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานภายใต้ผู้บังคับบัญชาที่ได้รับแต่งตั้ง ไม่แบ่งแยกว่าชอบหรือไม่ชอบผู้นำ “เราเป็นตำรวจด้วยจิตวิญญาณและหน้าที่ ไม่ใช่ทำงานตอบแทนบุญคุณใคร”

สำหรับคดีหมิ่นประมาท พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า คลิปที่ถูกนำมาแจ้งความเป็น “คลิปแรก” ที่บิ๊กโจ๊กให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง โดยกล่าวว่า “ตำรวจเป็นองค์กรอาชญากรรม” และไม่มีการระบุว่าเป็นเฉพาะกลุ่มหรือหน่วยงานใด ซึ่งสร้างความเสียหายต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อย่างมาก แม้ขณะเดียวกันจะต้องขอบคุณบิ๊กโจ๊กและนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่นำข้อมูลพฤติกรรมตำรวจไม่ดีออกมาเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบ แต่ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายในส่วนที่เป็นการกล่าวหาองค์กรโดยปราศจากพยานหลักฐาน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า สตช.ต้องการกวาดล้างตำรวจที่ประพฤติผิดอยู่แล้ว และพร้อมรับข้อมูลเพิ่มเติม “ยิ่งนำมา ยิ่งมีพยาน เราก็ยิ่งดำเนินคดีได้” แต่ขออย่านำข้อมูลลับหรือข้อมูลที่กระทบผู้อื่นไปเผยแพร่สู่สาธารณะ ควรแจ้งความโดยตรงเพื่อให้ดำเนินคดีอย่างเป็นทางการ
ในประเด็นแชทหลุดที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์ ซึ่งนายอัจฉริยะอ้างว่าเป็นแชทของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง รอง ผบช.ก. ยืนยันว่าตำรวจกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพบข้อพิรุธหลายจุด เช่น นาฬิกาในภาพเป็นคนละรุ่น โปรไฟล์ในภาพไม่ตรงกับของจริง รวมถึงพระหลวงปู่ทวดที่ปรากฏมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และพนักงานสอบสวนเริ่มทราบแหล่งที่มาของแชทแล้ว แต่ยังเปิดเผยไม่ได้เพราะอยู่ในสำนวน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ย้ำว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะตรวจสอบทุกคลิป ทุกคำสัมภาษณ์ หากพบว่าเป็นข้อมูลบิดเบือนหรือกล่าวหาองค์กรโดยไม่มีหลักฐาน จะดำเนินคดีทุกกรณี “เราต้องรักษาองค์กรของเรา ไม่ให้ข้อมูลเท็จมาทำลายสถาบันตำรวจ”
สำหรับการแต่งตั้งให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เป็นรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าตัวยืนยันว่าไม่รู้สึกหนักใจ เพราะทำงานบนพื้นฐานข้อเท็จจริงและกฎหมาย พร้อมตั้งใจสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อให้สังคมไม่ถูกเฟกนิวส์ชี้นำ

ท้ายที่สุด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปรียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็น “บ้านหลังใหญ่” ที่ต้องขจัดฝุ่นพิษและสัตว์ร้ายออกไป ย้ำว่า ตำรวจที่ทำผิดจะถูกดำเนินคดีเท่าเทียมหมด ตั้งแต่ระดับ ผบ.ตร. ลงมา “ที่นี่ไม่มีคนรวย คนจน ไม่มีเส้น ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน” พร้อมระบุว่าไม่ได้ขัดแย้งหรือเปิดศึกกับบิ๊กโจ๊ก แต่ต้องการร่วมกันทำให้ “บ้านหลังนี้” สะอาดและโปร่งใสที่สุด
/////
