กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี, พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท., พ.ต.ท.สัตตเมธ ใจแก้ว, พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ และ พ.ต.ท.ธนะ ว่องทรง รอง ผกก.2 บก.ปอท.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์, พ.ต.ต.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์, พ.ต.ท.ชัยเวง พาด้วง สว กก.2 บก.ปอท. ร.ต.อ.จิรายุ วงศ์วิวัฒน์, ร.ต.อ.ปราโมทย์ รอยคราม รอง สว กก.2 บก.ปอท., ร.ต.อ.บุญชัย ถิรภัทรไพบูลย์ รอง สว. ปรก.กก.2 บก.ปอท.
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา
นายธนัชพงศ์ฯ อายุ 59 ปี ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ 298/2568 ลงวันที่ 22 เมษายน 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง”
พฤติการณ์ เนื่องด้วยในช่วงปี 2565-2567 กลุ่มผู้เสียหาย ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนในหลายท้องที่ว่า นายธนัชพงศ์ฯ มีพฤติการณ์ในการแอบอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ตามช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยอ้างว่ากำลังเปิดบริษัทด้านการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล และส่งภาพสำนักงานรวมทั้งที่อยู่บริษัท จากนั้นนัดผู้เสียหายไปดูสถานที่จริงเพื่อให้เกิดความไว้วางใจ โดยภายในสถานที่มีบุคคลอ้างตนเป็นผู้บริหารและมีภาพนายทหารติดอยู่บนผนัง อ้างว่าเป็นที่ปรึกษาของบริษัท ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าบริษัทมีอยู่จริง
เมื่อผู้เสียหายไว้วางใจแล้วได้ชักชวนให้ผู้เสียหายโอนเงินระดมทุนลงทุนในทรัพย์สินดิจิทัลกับ นายธนัชพงศ์ฯ โดยให้โอนเงินให้นายธนัชพงศ์ฯใช้เทรดคริปโตเคอเร็นซี่โดยเสนอผลตอบแทนสูงถึงร้อยละ 20-25 ต่อเดือน และยังมีการจ่ายปันผลให้กับผู้ร่วมระดมทุนทุกๆเดือน โดยมีการส่งสัญญาปลอมให้กับผู้เสียหายเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ โดยเมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปร่วมระดมทุนแล้วก็ได้รับเงินปันผลคืนในเดือนแรก

เมื่อผู้เสียหายเชื่อว่าลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนจริง ได้มีการเสนอ” โปรโมชั่นพิเศษ” ให้กับผู้เสียหาย โดยเป็นการลงทุนในเหรียญ “Baby Doge Zilla (BDZ)” เป็นเหรียญคริปโตเคอเร็นซี่ใหม่ กำลังจะถูกนำเข้าสู่กระดานซื้อขายเหรียญสกุลเงินดิจิทัล (Exchange) ชั้นนำของต่างประเทศภายในไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งเมื่อเหรียญถูกนำเข้าซื้อขายแล้ว ราคาจะพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าอย่างแน่นอน
นายธนัชพงศ์ฯ มีการรับประกันว่าถ้าลงทุนในเหรียญดังกล่าว 100,000 บาท แล้วต่อมาเมื่อเหรียญถูกนำเข้าสู่กระดานซื้อขาย แล้วจะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 10 ล้านบาท ภายในไม่กี่สัปดาห์ พร้อมทั้งอ้างว่ามีบุคคลผู้มีชื่อเสียงทางการเมืองและนักธุรกิจรายใหญ่คอยให้การสนับสนุน และยังรับประกันว่าจะซื้อคืนหากเกิดปัญหา ผู้เสียหายหลายรายจึงหลงเชื่อและโอนเงิน และเหรียญดิจิทัล USDT ให้นายธนัชพงศ์ฯเพื่อลงทุน แต่เมื่อถึงกำหนดการเข้ากระดานซื้อขายตามที่อ้างกลับถูกบ่ายเบี่ยง และเลื่อนออกไปเรื่อยๆ และสุดท้ายไม่สามารถขายหรือแลกเปลี่ยนได้จริง
ต่อมา พนักงานสอบสวน สน.สายไหม ได้ดำเนินคดีกับนายธนัชพงศ์ ฯ และศาลอาญามีนบุรีมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 30 เดือน ภายหลัง นายธนัชพงศ์ฯ ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวเพื่อสู้คดี แต่เมื่อได้รับการอนุญาตแล้วกลับไม่มารายงานตัวต่อศาลตามกำหนดนัด เป็นเหตุให้ศาลออกหมายจับเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม
จากการสืบสวนติดตามตัว พบว่านายธนัชพงศ์ฯ ได้หลบหนีออกจากภูมิลำเนาเดิมในพื้นที่ อ.บางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ไปกบดานอยู่ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในอ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ลักษณะบ้านปิดประตูหน้าต่างมิดชิด เจ้าตัวเก็บตัวเงียบไม่สุงสิงกับผู้ใด อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่อง กระทั่งในช่วงเช้ามืดวันที่ 25 ต.ค.68 พบตัวนายธนัชพงศ์ฯ ออกจากบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมตัวได้ และนำส่งศาลอาญามีนบุรีเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการตรวจสอบประวัติ พบว่านายธนัชพงศ์ฯ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับรวม 8 หมาย ในหลายข้อหา เช่น “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปหรือโดยการแพร่ข่าวด้วยวิธีอื่นใดในการกู้ยืมเงินหรือจะกู้ยืมเงินโดยจ่ายหรือโฆษณา ประกาศ หรือแพร่ข่าว หรือตกลงว่าจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงินในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้” โดยมีพฤติการณ์ที่คล้ายคลึงกับในคดีนี้ ซึ่งเป็นระดมเงินทุนซื้อหุ้น และเหรียญคริปโตเคอเร็นซี่
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยประชาชน การลงทุนในทรัพย์สินดิจิทัล แม้อาจให้ผลตอบแทนที่สูง แต่ก็เป็นการลงทุนที่มีความผันผวนและมีความเสี่ยงสูงเช่นกัน นักลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม ผู้ชักชวน หรือโครงการลงทุนทุกครั้ง ก่อนตัดสินใจลงทุน

ทั้งนี้ ขอให้ระมัดระวังต่อกลุ่มมิจฉาชีพที่มักแอบอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน หรือใช้ชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ รวมทั้งเสนอผลตอบแทนสูงเกินจริง เช่น การการันตีปันผลรายเดือน หรืออ้างว่ามีข้อมูลวงในเกี่ยวกับเหรียญดิจิทัลใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาด ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวมักเป็นการหลอกลวงประชาชน หากลงทุนโดยไม่ตรวจสอบให้ดี อาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ อย่าหลงเชื่อ “การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงโดยไม่มีความเสี่ยง”
ทั้งนี้หากตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพทางออนไลน์สามารถติดต่อ สายด่วนศูนย์AOC โทร. 1441 หรือ www.thaipoliceonline.com
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ร.ต.อ.จิรายุ วงศ์วิวัฒน์ รอง สว.กก.2 บก.ปอท. โทรศัพท์ 0845949514
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน
ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”
