จ่าคิงส์พา 2 ผัวเมียร้อง ปคม. ถูกหลอกเก็บผลไม้ที่ออสเตรเลีย สูญครึ่งล้าน ผสห.อีกกลุ่มถูกหลอกทำงานแคนาดา-ออสเตรเลีย สูญกว่า 14 ล้านบาท

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 21 ต.ค.68 จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. และ อ.มานพ สีเหลือง ได้พาผู้เสียหายสองสามีภรรยาจากจังหวัดปทุมธานี เข้ายื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) หลังถูกบริษัทจัดหางานแห่งหนึ่งหลอกลวงว่าจะได้ไปทำงานเก็บผลไม้ (สาลี่และแอปเปิ้ล) ที่ประเทศออสเตรเลีย ทำให้ต้องสูญเสียเงินรวมกันกว่า 500,000 บาท

ผู้เสียหายเปิดเผยว่า พวกเขาถูกแอบอ้างชื่อ บริษัท เซบาร์ พัฒนา จก. ชักชวนให้เข้าร่วมโครงการทำงานที่ออสเตรเลีย โดยมีการหลอกให้โอนเงินค่าดำเนินการไป 3 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 553,000 บาท โดยครั้งแรกโอนค่าสมัคร 11,200 บาท และครั้งที่สองเร่งรัดให้โอนเงินจำนวน 340,467.65 บาท เข้าบัญชีชื่อ น.ส.วัชราภรณ์ เพื่อ “แปลงเป็นเงินดอลลาร์ผ่านแอปพลิเคชัน Subwallet” อ้างว่าสามีมีปัญหาเรื่อง Statement ไม่ผ่าน ก่อนจะมีการขอให้โอนซ้ำอีก 201,468 บาท รวมความเสียหายทั้งหมดกว่า 553,000 บาท

หลังจากการโอนเงิน กลุ่มไลน์ที่ใช้ติดต่อก็เริ่มทยอย “ออกจากกลุ่ม” และการอบรมที่นัดไว้ก็ไม่มีขึ้นจริง เมื่อตรวจสอบไปยังบริษัทตัวจริงจึงทราบว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดหางานดังกล่าว ทำให้เชื่อว่าถูกมิจฉาชีพหลอกลวง ผู้เสียหายเคยแจ้งความไว้ที่ สภ.คลอง 12 เมื่อวันที่ 3 ต.ค. แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า และเกรงว่าบริษัทดังกล่าวยังคงหลอกลวงประชาชนรายอื่นอีก จึงเข้าร้องเรียนที่กองปราบปรามเพื่อเร่งรัดคดี

ด้าน อ.มานพ กล่าวว่า การหลอกลวงในลักษณะนี้มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจและน่ากังวลอย่างยิ่ง กรณีนี้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนและเจตนาทุจริตที่ชัดเจนของมิจฉาชีพ โดยใช้กลยุทธ์สำคัญ

-การสร้างความน่าเชื่อถือโดยอิงของจริง การอ้างถึง “บริษัท เซบาร์ พัฒนา จำกัด” ซึ่งมีตัวตนอยู่จริงตามเอกสารจดทะเบียน (แต่ถูกแอบอ้าง) เป็นการล่อลวงให้เหยื่อเชื่อมั่นในขั้นตอนแรก

-การเร่งรัดและสร้างความตื่นตระหนก การแจ้งว่า “วีซ่าผ่านแล้ว” แต่ “สามีมีปัญหาเรื่อง Statement” และการให้โอนเงินจำนวนมหาศาลเพื่อ “แปลงเป็นเงินดอลลาร์ผ่านแอปพลิเคชัน Subwallet” เป็นการใช้ศัพท์เฉพาะและขั้นตอนที่ซับซ้อน เพื่อสร้างความสับสน เร่งรัดการตัดสินใจ และป้องกันไม่ให้ผู้เสียหายมีเวลาตรวจสอบหรือปรึกษาใคร

-การใช้บัญชีม้าอย่างเป็นระบบ การโอนเงินแยกย่อยไปยังบัญชีของ น.ส.วัชราภรณ์, น.ส.ยุพาภรณ์, และ น.ส.ปารณีย์ เป็นการกระจายความเสี่ยงและทำให้การติดตามเส้นทางการเงินเป็นไปได้ยากขึ้น ซึ่งยืนยันว่านี่คือการดำเนินการโดยองค์กรอาชญากรรม ไม่ใช่การฉ้อโกงโดยบุคคลเดียว

-การใช้กลุ่มไลน์และบัญชีม้าในรูปแบบหน้าม้า มิจฉาชีพจะสร้างกลุ่มสนทนาออนไลน์ (เช่น กลุ่มไลน์) โดยมีผู้ร่วมกลุ่มที่เป็นหน้าม้าหรือมิจฉาชีพคนอื่น เพื่อทำหน้าที่เป็น “เหยื่อรายอื่น” หรือ “ผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือแล้ว” โดยหน้าม้าเหล่านี้จะแสดงตนว่ากำลังประสบปัญหาคล้ายกับเหยื่อหลัก (เช่น ปัญหา Statement, ปัญหาการโอนเงิน) แต่จะแสดงการแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ในที่สุด

จ่าคิงส์กล่าวว่าจะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป.ให้ตรวจสอบข้อมูลและสืบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เนื่องจากคดีนี้มีมูลค่าความเสียหายสูงและเป็นการหลอกลวงแรงงานที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย

ภายหลังเข้าพบ พงส.บก.ป.ได้ประสานไปทาง พงส.สภ.คลอง 12 ก่อนแนะนำให้ ผสห.สองสามีภรรยากลับไปพบเพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้เสียหายจำนวนกว่า 70 คน จากทั้งหมด 240 คน มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 14 ล้านบาท ได้เดินทางมาแจ้งความที่ บก.ปคม. กรณีถูก บริษัท สตอรี่ ทัวร์ แอนด์ ทราเวล จำกัด (ย่านงามวงศ์วาน) รับจัดหาแรงงานไปทำงานเกษตรกรรมและงานช่างที่ประเทศแคนาดาและออสเตรเลีย โดยเรียกเก็บค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 80,000 ถึง 120,000 บาท

ผู้เสียหายส่วนใหญ่สมัครผ่านเฟซบุ๊กและเอเย่นต์ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยบริษัทมีการเชิญชวนให้ดูสำนักงานเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือว่าส่งคนไปทำงานต่างประเทศจริง แต่สุดท้ายบริษัทกลับปิดไลน์กลุ่ม ปิดบริษัท และหอบเงินค่าสมัครกว่า 14 ล้านบาทหลบหนีไป ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม. และเจ้าหน้าที่จากกรมแรงงานอยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้เสียหายเพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับบริษัทดังกล่าวต่อไป

About The Author

Related posts