พ่อ น.ศ.มหาฯ ดังย่านปทุมวัน ร้องกองปราบฯ ขอความเป็นธรรม ลูกชายถูกรุ่นพี่รุมทำร้าย ปอดฉีก-หัวใจหยุดเต้น คดีไม่คืบ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 ต.ค. 68 นายคม (นามสมมุติ) อายุ 53 ปี บิดาของ “น้องพีท” (สงวนชื่อ-นามสกุล) นักศึกษาชายชั้นปีที่ 1 สาขาการจัดการการก่อสร้าง มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวัน พร้อมด้วย นายธมะนันท์ แตงทิม หรือ จ่าคิงส์ ผู้ก่อตั้งเพจจ่าคิงส์ แตงทิม และทีมงาน ได้นำหลักฐานกล้องวงจรปิดและใบแจ้งความ เข้าร้องเรียนต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอให้ช่วยเร่งรัดติดตามความคืบหน้าคดี หลังบุตรชายถูกรุ่นพี่ร่วมสถาบันรุมทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ต้องพักรักษาตัวในห้อง ICU เนื่องจากปอดฉีกขาดและหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ แต่คดีที่แจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ยังไม่มีความคืบหน้า

นายคม เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 โดยได้รับโทรศัพท์จากรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย แจ้งว่าบุตรชายสลบ จึงพาไปส่งโรงพยาบาล ต่อมาทางโรงพยาบาลได้แจ้งกลับมาว่า น้องพีทมีลักษณะถูกทำร้ายร่างกาย อาการสาหัส หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ แต่แพทย์สามารถปั๊มชีพจรกลับมาได้ เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แพทย์แจ้งว่าน้องพีทมีอาการบอบช้ำที่บริเวณอกและแขน ภาวะปอดรั่ว และยังไม่รู้สึกตัว ต้องติดตามอาการทางสมองอย่างใกล้ชิด

ผู้เป็นพ่อระบุว่า วันรุ่งขึ้น (8 ต.ค. 68) ทางมหาวิทยาลัยได้เรียกเข้าไปพูดคุยเรื่องมาตรการหาผู้กระทำความผิด โดยอาจารย์แจ้งข้อมูลว่าบุตรชายถูกทำร้าย 2 ครั้ง ครั้งแรกช่วงเช้าที่ห้องเรียน และครั้งที่สองช่วงบ่าย คาดว่าสาเหตุมาจากการที่น้องพีทไม่ตอบไลน์และติดต่อไม่ได้ จนทำให้รุ่นพี่บางคนไม่พอใจ จึงเรียกมา “ซ่อม” และทำร้ายร่างกายจนสลบ เลือดออกทางปากและจมูก จากนั้นกลุ่มรุ่นพี่ได้ลากตัวน้องไปห้องน้ำ พยายามจับหัวกดน้ำเพื่อให้น้องฟื้น แต่ไม่เป็นผลจึงตกใจรีบพาไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งแม่บ้านได้พบรอยคราบเลือดจำนวนมากในห้องน้ำ

“ผมเห็นรุ่นพี่ปี 2 อยู่ด้วยประมาณ 5 คนที่โรงพยาบาล แต่เมื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น มีรุ่นพี่ยอมรับว่าทำร้ายร่างกายลูกผมแค่คนเดียว ซึ่งผมไม่เชื่อ เพราะลูกชายบาดเจ็บสาหัส ปอดฉีกขาด และหัวใจหยุดเต้น ผมเชื่อว่ามีรุ่นพี่หลายคนที่ร่วมกันก่อเหตุ” นายคมกล่าว

นายคมกล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ออกมาร้องเรียนในวันนี้ เพราะต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ทำการสอบสวน ติดตามผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินคดีให้ได้ เนื่องจากไม่เชื่อว่าจะมีผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว

ด้านนายมานพ สีเหลือง ทีมงานจ่าคิงส์ ระบุว่า อาการบาดเจ็บของน้องพีทเข้าข่ายการทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 มีโทษจำคุก 6 เดือนถึง 10 ปี ส่วนข้ออ้างของรุ่นพี่ที่ว่า “บันดาลโทสะ” เพราะรุ่นน้องไม่เข้าร่วมกิจกรรมนั้น ไม่เข้าเงื่อนไขตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นการ “เรียกมาสั่งสอน” ที่มีการเตรียมการไว้ก่อน ไม่ใช่การโกรธฉับพลันจากการถูกข่มเหงโดยไม่เป็นธรรม

นายธมะนันท์ แตงทิม กล่าวเสริมว่า นอกจากความคืบหน้าด้านคดีแล้ว ตนเองอยากเรียกร้องให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ เข้ามาใส่ใจปัญหาการรับน้องรุนแรงในสถาบันการศึกษา และเรียกร้องให้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในสถาบันให้ครอบคลุม เพื่อเป็นหลักฐานในกรณีเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ประสานไปยัง พงส.สน.ปทุมวัน ให้เร่งรัดดำเนินการสืบสวนสอบสวนเอาผิดกับรุ่นพี่ที่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายมาดำเนินึดีตามกฎหมายต่อไป

About The Author

Related posts