คืบหน้า กลุ่มผู้เสียหายร้อง บก.ปปป. ตรวจสอบฯหลังตำรวจทำคดีฯไม่คืบ!และไม่แจ้งความคืบหน้า 

จากกรณี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 กลุ่มผู้เสียหายจากคดี”นุ่นหวยทิพย์”และตัวแทน ได้เข้ายื่นหนังสือถึง บก.ปปป.ขอให้สอบเจ้าหน้าที่รัฐ หลังทำคดีไม่คืบ ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ซึ่งเป็นคดีที่ น.ส กัณภาธิฌาณัศฐ์ หรือนุ่น และพวก ร่วมฉ้อโกงประชาชน มูลค่าเกือบ 300 ล้านบาท โดยหลอกลวงในหลายรูปแบบ อาทิ โควต้าสลากทิพย์, สินค้าปลอดภาษีอ้างคิงส์พาวเวอร์, การซื้อขายนาฬิกาแบรนด์เนม-รถยนต์-อสังหาริมทรัพย์ และการฝากงาน ได้รวมตัวกันเดินทางมาแจ้งฯ พงส.บก.ปปป.

โดยการเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นหลังคดีฯที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท. 1) เคยจับกุม น.ส.กัณภาธิฌาณัศฐ์ฯ หรือ “นุ่น” และพวก ตามหมายจับศาลอาญา ในวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ร้อยเวรสรุปสำนวนส่งฯ แต่อัยการไม่สั่งฟ้อง รวมถึงคดีที่ได้แจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรอื่นๆ ก็ไม่มีความคืบหน้าทางคดี คล้ายคดีที่ผู้เสียหาย 173 ล้านแจ้งความที่ สน.ลาดกระบัง ร้อยเวรสรุปสำนวนสั่งฟ้อง แต่อัยการก็ไม่สั่งฟองเช่นกัน ซึ่งคดีนี้ภายหลังผู้เสียหายฟ้องเองที่ศาลอาญาจังหวัดมีนบุรีกลับชนะคดี!

ซึ่ง น.ส.กัณภาธิฌาณัศฐ์ฯ และพวก ก่อเหตุลักษณะเดียวกันมานานหลายปี โดยมีนายวรวิทย์(สงวนนามสกุล) หรือเบ้นซ์สามีทำงานที่พรรคการเมืองหนึ่งแถวนนทบุรี และนายพัชรีศิริฯหรือแพร(สาวสอง) เป็นคนสนิท การที่ น.ส กัณภาธิฌาณัศฐ์ฯหรือนุ่น มีตำแหน่งเป็นนายทะเบียนพรรคขับรถหรู ใส่เครื่องประดับราคาแพง มีบริษัทเป็นของตัวเองทำให้มีความน่าเชื่อถือ

จากข้อมูลในคดีฯ ในปี 2565 แก๊งนุ่นได้ปลอมไลน์นักการเมืองหนุ่มแถวอีสาน ซึ่งขณะนั้นมีข่าวจะรวมกับพรรคการเมืองที่นุ่นสังกัด และอ้างว่ามีโควต้าสลาก ทำให้เหยื่อหลงเชื่อ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจำนวนมาก แม้จะมีการแจ้งความดำเนินคดีมาอย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มผู้ต้องหาก็ยังคงลอยนวลนับ 10 ปี ทำให้ผู้เสียหายเชื่อว่าการกระทำความผิดของผู้ต้องหากลุ่มนี้ น่าจะมีคนมีสี,นักการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง

จนกระทั่งช่วงปลายปี2567-ต้นปี 2568 ผู้เสียหายได้รวมตัวกันร้องเรียนไปยัง น.ส. นลิน โรจนวัทธิกร ผู้ก่อตั้งเพจ“ห้วยแถลง” เพื่อขอให้ช่วยแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน

และก่อนหน้านี้ผู้เสียหายรายหนึ่งเคยแจ้งความว่าถูกแก๊งนี้หลอก 173 ล้าน ซึ่งร้อยเวรได้สรุปสำนวนส่ง แต่อัยการฯไม่สั่งฟ้อง ผู้เสียหายจึงนำคดีไปฟ้องต่อศาลอาญาจังหวัดมีนบุรีเอง และในวันที่ 10 เมษายน 2568 ศาลชั้นต้นฯได้มีคำตัดสินพิพากษาให้จำคุก น.ส. กัณภาธิฌาณัศฐ์ฯ, นางสาวเกศยากรณ์(สงวนนามสกุล) หรือน้องเล็ก, นายวิษณุ(สงวนนามสกุล)และบริษัทเกษตรไทยฟาร์ม เป็นเวลา 3 ปี และสั่งปรับ ซึ่งผู้ต้องหากลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวกับที่ตำรวจไซเบอร์จับ

น.ส. นลิน โรจนวัทธิกร จึงได้นำผู้เสียหายและตัวแทนยื่นหนังสือถึง บก.ปปป.ขอให้ตรวจสอบการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐกรณีทำคดีไม่คืบและไม่แจ้งความคืบหน้าในคดี และหากพบว่าเข้าข่ายกระทำผิด ขอให้แจ้ง ม.157

ซึ่งหลังจากแจ้งฯ บก.ปปป. แล้ว น.ส นลิน ได้นำผู้เสียหายไปร้อง ปปง. เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.กัณภาธิฌาณัศฐ์และพวก ในความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เนื่องจากคดีที่เกี่ยวข้องกับการ “ฉ้อโกง” ถือเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดการฟอกเงิน ซึ่งจะนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดเพื่อนำมาเยียวยาผู้เสียหายต่อไป

About The Author

Related posts