ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง นำโดย พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล.,พ.ต.ท.อุดมศักดิ์ สุวรรณแสงรอ ผกก.2บก.ทล.,พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ งามแฉ่ง รอง ผกก.2 บก.ทล.ได้สั่งการให้

เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. ร.ต.อ.ชรัณ ปาณะศรี รอง สว. ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล., ร.ต.อ.วิมล แก้วชู, ร.ต.ต.ใจเทพ สาลี รอง สว.(ป) ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล., ด.ต.ธนพนธ์ เกิดเขาทะลุ, จ.ส.ต.สราวุธ กรรณสุรางค์, จ.ส.ต.อมรเทพ อินนิมิตร, จ.ส.ต.มาตุภูมิ รัตนคช ผบ.หมู่ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.และเจ้าพนักงานตำรวจที่ทำการจับกุมสภ.ฉลอง พ.ต.ท.ชยกร ตั้งสกุล สว.สส.สภ.ฉลอง, ร.ต.อ.อภิเดช โฉมทอง, ร.ต.อ.ธิติ จามพัฒน์, ร.ต.ต. พิชัช พุทโธสิทธิ์ รอง สว.สภ.ฉลอง, จ.ส.ต.ณัฐศักดิ์ รองเมือง, จ.ส.ต.ฐาปกรณ์ จันทร์ปล้อง ผบ.หมู่ สภ.ฉลอง

ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา
1. นายปริภัทร ฯ อายุ 47 ปี
2. นายสุริยาฯ อายุ 51 ปี
ในข้อหา กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นคนอื่น” ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 1210/2568 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2568และที่ จ1211/2568 ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2568
พร้อมตรวจยึดของกลาง
1.บัตรประตัวเจ้าหน้าที่สื่อมวชน ของนิตยสารฉบับหนึ่ง จำนวน 2 ใบ
2.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ MG สีขาว จำนวน 1 คัน
สถานที่จับกุม หน่วยบริการตำรวจทางหลวงท่าแซะ ทล.4 ( เพชรเกษม ) กม.478+200 ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร

พฤติการณ์ มื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568 เวลาประมาณ 13.55 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ออกตรวจในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ตามมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมและการรักษาความสงบเรียบร้อย ต่อมาได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว (ไม่ประสงค์ออกนาม) ว่ามีรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ MG สีขาว เดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ตมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร โดยมี บุคคลตามหมายจับในคดี “ร่วมกันพยายามฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นคนอื่น” โดยคาดว่าจะผ่านพื้นที่จังหวัดชุมพรต่อมา เจ้าหน้าที่ได้พบรถต้องสงสัยบริเวณ ถนนทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) กม.473 ขาเข้า กทม. ตำบลท่าข้าม อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถเพื่อตรวจสอบพบผู้ขับขี่คือ นายปริภัทร และมี นายสุริยา นั่งโดยสารอยู่ข้างหน้าจากการตรวจสอบเอกสารประจำตัวและข้อมูลในระบบสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า บุคคลทั้งสองเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่จึงประสานไปยังพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรฉลอง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งยืนยันว่า หมายจับยังมีผลบังคับใช้ และอยู่ระหว่างติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งสองราย เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบและสอบถามข้อเท็จจริง โดยทั้งสอง ให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับและยังไม่เคยถูกจับกุมในคดีนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปยัง หน่วยบริการตำรวจทางหลวงท่าแซะ เพื่อจัดทำบันทึกการจับกุม ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง จังหวัดภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยก่อนถูกออกหมายจับ ผู้ต้องหาทั้งสองได้ แอบอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศสูง เข้าไปยังพื้นที่ ตำบลราไวย์ จังหวัดภูเก็ต และใช้วิธีการหลอกลวง รีดไถเงินจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ขอรับเงินเพื่อนำไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน โดยออกขอรับเงินจากนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในวิลล่าการกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายและความเดือดร้อนแก่นักท่องเที่ยว จึงมีการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน จนนำไปสู่การออกหมายจับและการติดตามจับกุมในครั้งนี้

เตือนภัยตำรวจขอเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่าหลงเชื่อบุคคลที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หากมีการขอเงินหรือแสดงพฤติกรรมผิดปกติ ให้ตรวจสอบบัตรประจำตัว หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทันทีการร่วมมือของประชาชนคือพลังสำคัญในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
