ผสห.คนไทยและต่างชาติรวมตัวแจ้งจับโครงการพูลวิลล่าภูเก็ต ซื้อบ้านพร้อมที่ดินเกือบ 10 ล้าน แต่สร้างไม่เสร็จ และยังถูกเจ้าของที่เอาที่ดินไปขายต่อบุคคลอื่น พัวพันทายาทนักการเมืองชื่อดังภูเก็ต ความเสียหายรวมกว่า 110 ล้านบาท
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 ธ.ค.68 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน นายชาญชัย ฉายบุ ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาผู้เสียหายจากจังหวัดภูเก็ตทั้งชาวไทย และต่างชาติ จำนวน 10 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.กรณีโครงการก่อสร้างบ้านพูลวิลล่าหรูที่ไม่เป็นไปตามสัญญา และพบความเชื่อมโยงกับนักการเมืองท้องถิ่นผู้กว้างขวาง

คุณวิว หนึ่งในผู้เสียหายชาวไทย เล่าว่า รู้จักโครงการนี้ผ่านทางเฟซบุ๊ก และได้เข้าไปดูโครงการ มีเซลล์และกรรมการบริษัทพาไปดูที่ดิน และได้ตกลงทำสัญญาซื้อบ้านพร้อมที่ดิน ราคา 9 ล้านบาท โดยจ่ายไปประมาณ 5 ล้านบาท แต่สุดท้ายบ้านก็สร้างไม่เสร็จ เมื่อทักท้วงไปยังโครงการ เจ้าหน้าที่โครงการก็มานำเสนอเปลี่ยนสัญญาเป็นบ้านหลังใหม่ซึ่งปกติขายที่ 18 ล้านบาท แต่ให้จ่ายในราคาสัญญาแรก คือ 9 ล้านบาท ตนเองจึงตกลง แต่สุดท้ายบ้านหลังใหม่ก็สร้างไม่เสร็จเหมือนเดิม และตัวที่ดินก็ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นของตนเองได้ เพราะไปติดขายฝากให้บุคคลอื่นอีก เมื่อขอยกเลิกสัญญา ขอคืนเงิน โครงการก็บ่ายเบี่ยงตลอด ก่อนที่สุดท้ายจะติดต่อไม่ได้ ที่ดินบางแปลงเจ้าของที่ดินก็เอาป้ายมาปักยึดไว้ ทั้งที่ผู้ซื้อก็จ่ายเงินไปแล้ว

ขณะที่นายอเล็กซ์ และนายไซมอน ชาวรัสเซีย เปิดเผยว่า บ้านที่ตนเองซื้อมูลค่า 10 ล้าน จ่ายไปแล้ว 7.5 ล้าน แต่บ้านก็ยังสร้างไม่เสร็จ มีแค่โครงสร้างกับกำแพงเท่านั้น ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จ่ายเงินไป ไม่มีบ้านอยู่ รู้สึกผิดหวังและเสียใจอย่างมาก
ด้านนายชาญชัย ฉายบุ ทนายความของมูลนิธิฯ บอกว่า โครงการนี้สร้างบนที่ดิน 16 ไร่ แบ่งเป็น 25 ล็อก ล็อกละ 2 งาน แต่จากที่ดิน 25 ล็อก สร้างบ้านเสร็จไปเพียง 1 ล็อกเท่านั้น โดยผู้เสียหายซื้อโครงการ แล้วสร้างไม่เสร็จ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่ได้ หรือไม่ก็ถูกเสนอให้ซื้อโครงการอื่นของบริษัทแทน สุดท้ายก็สร้างไม่เสร็จเหมือนเดิม อีกกลุ่มเป็นผู้เสียหายชาวต่างชาติ ที่โครงการนี้ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินกับเจ้าของที่ไว้ 2 ปี แต่กลับนำมาสร้างบ้าน ให้ชาวต่างชาติเช่าในระยะเวลา 30 ปี จำนวน 3 ครั้ง รวมเป็นเวลา 90 ปี ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าทำสัญญาเช่ากับเจ้าของที่ไว้แค่ 2 ปีเท่านั้น

ส่วนเจ้าของที่ดินที่เป็นทายาทนักการเมืองชื่อดังก็เอาที่ดินไปขายให้บุคคลภายนอก ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าผู้เสียหายจ่ายเงินแล้ว ต้องได้บ้านพร้อมที่ดิน แล้วยังไปปักป้ายยึด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เบื้องต้นจึงได้อยากให้ตำรวจตรวจสอบทั้งเจ้าของโครงการ กลุ่มนายทุนและบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ว่าเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือไม่

