“เต้ พระราม 7” ร้องกองปราบฯ สอบ “เท้ง ณัฐพงษ์” ปมทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านช่วงประกาศกฎอัยการศึก

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 ธค.68 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ “เต้ พระราม 7” ในฐานะประธานมูลนิธิเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผู้บังคับการปราบปราม ขอให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
ประเด็นการร้องเรียน

นายมงคลกิตติ์ ระบุว่า การมายื่นเรื่องในครั้งนี้ สืบเนื่องจากพฤติการณ์ของนายณัฐพงษ์ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฝ่ายทหารได้มีการประกาศกฎอัยการศึก ตาม พรบ.กฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 (ซึ่งประกาศใช้มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568)
โดยทางมูลนิธิฯ ตรวจสอบพบว่าการกระทำของผู้นำฝ่ายค้านในห้วงเวลาดังกล่าว อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พรบ.กำหนดหน้าที่คนไทยในเวลารบ พ.ศ. 2484 มาตรา 3, 5 และ 7 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตนและการให้ความร่วมมือต่อรัฐในยามที่บ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติหรืออยู่ในสภาวะสงคราม/การรบ
รายละเอียดข้อกฎหมายที่อ้างถึง

มาตรา 3 เมื่อประเทศไทยต้องทําการรบกับประเทศหนึ่งประเทศใดประชาชน

สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

ชาวไทยทั้งมวลมีหน้าที่ต้องปฏิบัติในทุก ๆ ทางที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยและที่ขัดต่อ

ประโยชน์ของประเทศที่ทําการรบประเทศไทย

สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

นอกจากหน้าที่ที่กําหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ คนไทยทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่

ตามกฎหมายอื่นที่กําหนดไว้อีกด้วย

สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

มาตรา 5คนไทยทุกคนต้องทําการต่อต้านข้าศึกทุกวิถีทางด้วยกําลังอาวุธ กําลัง

ทรัพย์หรือกําลังอื่นใดตามคําสั่งของราชการ

สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

แต่เมื่อตกอยู่ในฐานะที่ไม่สามารถทราบคําสั่งของราชการได้ก็ต้องจัดการต่อต้าน

ต่อไปตามวิถีทางที่ทําได้จนถึงที่สุด ถ้าไม่สามารถต่อต้านไว้ได้ให้ทําการขัดขวางหรือก่ออุปสรรค

ต่าง ๆ เพื่อมิให้ข้าศึกได้รับความสะดวก และให้ทําลายเครื่องมือ เครื่องใช้เครื่องอุปโภค เครื่อง

สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

บริโภค บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย สัตว์พาหนะ และสิ่งของต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นของตน ของผู้อื่นหรือ

ของราชการอันจะอํานวยประโยชน์ให้แก่ข้าศึกนั้นเสียให้สิ้น

มาตรา ๗ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๔ หรือมาตรา ๕ มี

ความผิดต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจําคุกตลอดชีวิต

ทรัพย์สมบัติส่วนตัวของผู้ที่กระทําความผิดตามวรรคก่อนให้ริบเสียสิ้น

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่ออีกว่า “ในฐานะประธานมูลนิธิฯ ผมเล็งเห็นว่าการทำหน้าที่ของบุคคลสำคัญระดับผู้นำฝ่ายค้านในช่วงประกาศกฎอัยการศึก ต้องเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากมีการกระทำใดที่ขัดต่อความมั่นคงหรือหน้าที่ของคนไทยในเวลารบตามที่กฎหมายตราไว้ ก็จำเป็นต้องให้ทางกองปราบปรามตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป”

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องไว้ ก่อนจะนำเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาสั่งการและตรวจสอบพยานหลักฐานตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป