“บิ๊กโจ๊ก”เข้ากองปราบฯ ยันอยู่ กทม. ตลอด ตร.เตรียมข้อหาฐาน “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
“บิ๊กโจ๊ก” โผล่เข้าบก.ป. ประกาศจุดยืนชัดเจน “ยังอยู่ ไม่หนี พร้อมสู้ทุกคดี” สวนกลับ ผบ.ตร. และรอง จตช. หลังถูกกล่าวหาหมิ่นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้เป็นคดีปิดปากเพราะตนพูดความจริงเรื่องส่วยเว็บพนัน—ปัญหาเรื้อรังที่ตำรวจทั้งประเทศรู้กันดี ย้ำข้อมูลในมือแน่นจนบางฝ่ายร้อนตัว พร้อมเปิดเกมโต้กลับทั้งคดีและข้อมูลเชิงลึกที่เก็บเงียบมานานกว่า 1 ปี เตรียมปล่อย “ข่าวใหญ่” ไล่ไทม์ไลน์การทำงานของผู้มีอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมทิ้งท้าย “คนที่จะหนีไม่ใช่ผม” ก่อนมุ่งหน้าศาล-ลงใต้ช่วยประชาชน เดินเกมเชิงรุกกลางศึกสีกากีเดือดที่รอวันเปิดไพ่ทั้งหมดสู่สาธารณะ
เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 2 ธ.ค. บริเวณด้านหน้าศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้ากองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อพบพนักงานสอบสวน พร้อมประกาศจุดยืนชัดเจนว่า “ยังอยู่ในพื้นที่ ไม่ได้หลบหนี” และมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจหลังมีข้อมูลว่ามีการร้องทุกข์กล่าวโทษตนในความผิดฐานหมิ่นประมาทสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผยว่าเช้าวันเดียวกันทราบว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง จตช. เข้าแจ้งความเอาผิดตน แต่ยืนยันว่า “ยังไม่มีหมายเรียก ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแม้แต่ข้อหาเดียว” การเดินทางมาที่ บก.ป. จึงเป็นการมาปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ยืนยันว่ายินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมต่อสู้คดีทุกประเด็นและคดีนี้เป็นลักษณะ “แจ้งความเพื่อปิดปาก” เพราะตนเพียงแสดงความเห็นโดยอ้างอิงข้อมูลที่มีอยู่จริง และเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ พร้อมย้ำถ้อยคำที่เป็นกระแสว่า “ตำรวจคือองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุด” ซึ่งมาจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏแล้วว่ามีตำรวจจำนวนมากเข้าไปเกี่ยวพันกับส่วยเว็บพนัน ทั้งระดับนายตำรวจ 30 กว่าราย รวมถึงกลุ่ม 200 กว่ารายที่ถูกเปิดเผย และมีชื่อระดับ ผบ.ตร. อยู่ในนั้น
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ชี้ว่า หากย้อนกลับไปดูคลิปเมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมาในรายการหนึ่ง จะเห็นว่าตนไม่ได้เอ่ยพาดพิงสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นการเฉพาะ แต่สะท้อนปัญหาเชิงระบบที่ประชาชนรับรู้มานาน พร้อมท้วงติง ผบ.ตร. ว่า ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงให้รอบด้านก่อนฟ้องร้อง เพราะข้อกล่าวหานี้อาจย้อนกลับไปสู่ผู้กล่าวหาเอง พร้อมตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงไม่ไปแจ้งความ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร ซึ่งแสดงความเห็นแรงกว่า โดยระบุว่า “ตำรวจไทยไม่ใช่องค์กรอาชญากรรมใหญ่ที่สุด แต่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยซ้ำ”
พร้อม ยังย้ำว่า สาเหตุที่ถูกเล่นงานเพราะ “เป็นตัวจี๊ด รู้ข้อมูลมากที่สุด” พร้อมประกาศว่าจะเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างตามลำดับในเร็ว ๆ นี้
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า หากมีหมายเรียก เขาจะมาทันที เพราะคดีนี้ไม่มีสิทธิคุมตัวหรือออกหมายจับ เนื่องจากอัตราโทษไม่เกิน 3 ปี “เต็มที่คือหมายเรียก” แต่ขอสิทธิรับรู้ข้อกล่าวหาก่อนให้ปากคำ พร้อมเผยว่าตนได้ประสานผู้บังคับการกองปราบแล้วว่าจะเข้าพบในวันใดบ้าง
เจ้าตัวเหน็บถึงตำรวจบางนายที่เคยระบุว่า หาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด เขาจะหลบหนีว่า “คนที่จะหนีไม่ใช่ผม” พร้อมระบุว่ารู้ข้อมูล “พิกัดบ้านที่อังกฤษ” ของบุคคลสำคัญบางราย และเชื่อว่า “ความจริงจะค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาเอง”
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังเปิดเผยว่า ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาแม้จะเงียบ แต่เป็นช่วงเวลาที่ใช้เก็บข้อมูลอย่างละเอียด “เหมือนนักมวยซ้อมทุกวัน วันนี้ถึงเวลาชกจริงแล้ว” ขณะเดียวกันยืนยันว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับพนักงานสอบสวนรายใดทำถูก ทำผิด และเตรียม “รวมยอดเปิดข้อมูลครั้งใหญ่” ภายในสัปดาห์หน้า

ในส่วนกระแสว่าการปรากฏตัววันนี้เหมือนเป็นการ “เหยียบถิ่น” ของผู้ที่เคยกล่าวหาว่าตนจะหลบหนีออกนอกประเทศ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า บุคคลเหล่านั้นก็เพียงทำหน้าที่ตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณของตนเอง ไม่ว่าจะถูกหรือผิด เพราะได้รับ “ตั๋วช้าง” มาแล้ว พร้อมย้ำว่าการต่อสู้ทั้งหมดนี้ต้องยืนอยู่บนหลักกฎหมาย ส่วนความขัดแย้งส่วนบุคคลให้ไว้ทีหลัง
เขายังกล่าวถึงปัญหาเว็บพนัน-สแกมเมอร์ว่าเป็นเพียง “ลิเกโรงหนึ่ง” เพราะไม่มีมาตรการแก้ปัญหาเป็นรูปธรรม ทั้งนายกรัฐมนตรีและ ผบ.ตร. จึงไม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้จริง ขณะที่เรื่องส่วยตำรวจก็ยังถูกตำรวจร้องเรียนจากทั่วประเทศแต่ไม่ได้รับการแก้ไข
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่าหลังจากแสดงตัวที่ บก.ป. แล้ว จะเดินทางต่อไปยังศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการต่าง ๆ ก่อนจะลงพื้นที่ภาคใต้ในช่วงค่ำเพื่อช่วยเหลือประชาชน พร้อมย้ำในตอนท้ายว่า “ไม่ได้หนี และพร้อมเข้าสู่กระบวนการทุกขั้นตอน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังบิ๊กโจ๊ก ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่บริเวณก่อสร้าง เพิ่มพื้นที่จอดรถ ด้านหน้า ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ขณะจะเดินขึ้นไปพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ได้เดินย้อนกลับไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มาคอยรักษาความสงบภายในพื้นที่กองราชการ ซึ่งยังยืนถือกล้องวีดิโอขนาดเล็กอยู่ โดยบิ๊กโจ๊ก ได้สอบถามว่าทำไมเอากล้องมาถ่ายตนขณะให้สัมภาษณ์สื่อฯ และยังถามอีกว่ารู้ไหมว่ามีกฎหมาย พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคลรวมทั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ การที่จะมายกกล้องถ่ายใครจะต้องแจ้งให้เขารับรู้รับทราบ ได้รับอนุญาตก่อนด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนายนั้นได้แต่ยืนยิ้มไม่ตอบอะไร
ต่อมาเวลา 11.45 น. หลังพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. บิ๊กโจ๊ก ก่อนเดินทางกลับ เพื่อที่จะไปยังศาลรัฐธรรมนูญต่อได้เปิดเผยว่า
ทางพนักงานสอบสวนกองปราบฯืได้สอบถามตนว่าวันนี้ที่มากองปราบฯ มีความประสงค์ที่จะพบพนักงานสอบสวนหรือไม่ หรือมาเพียงแค่ลงประจำวันว่าตนเองยังอยู่ในพื้นที่ กทม. เท่านั้น

ซึ่งตนได้แจ้งตำรวจว่ามีความประสงค์ที่จะพบพนักงานสอบสวนเพื่อต้องการรู้ว่าประเด็นที่ตนถูก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งความดำเนินคดีฟ้องร้แงนั้นประเด็นใดบ้าง
ซึ่งได้รับทราบจากพนักงานสอบสวนของกองปราบฯ ว่ามีแค่ความผิดฐานหมิ่นประมาทเท่านั้น ส่วนสื่อที่ร่วมสัมภาษณ์ตนทางสำนักงานแห่งชาติไม่เอาผิดแต่อย่างใด ตนจึงรับทราบข้อกล่าวหาและให้การปฏิเสธข้อหาดังกล่าว
