สองผัวเมียเจ้าของร้านหมูกะทะ ชำระหนี้นอกระบบครบแล้ว แต่ถูกแก๊งทวงหนี้ 15 คนรุมรังควาน สร้างหลักฐานเท็จข่มขู่ วอนตำรวจเร่งรัดคดี

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 18 พ.ย.68 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พาสองผัวเมียเข้าร้องศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ขอความช่วยเหลือถูกเจ้าหนี้นอกระบบคุกคาม อย่างหนักจนเกิดความเครียด ผวาหวาดกลัว ทั้งที่ใช้หนี้ไปหมดแล้วร่วมล้านบาท

นางสาวเอ (สงวนชื่อ-นามสกุลจริง)ภรรยา อายุ 36 ปี เจ้าของร้านหมูกะทะชื่อดังแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วยสามี ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน ก่อนพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 10-15 คน ตามรังควานและข่มขู่ทวงหนี้นอกระบบอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าตนจะได้ชำระหนี้ทั้งหมดครบถ้วนไปแล้วก็ตาม

นางสาวเอ เปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตนได้ไปกู้ยืมเงินนอกระบบเป็นจำนวน 600,000 บาท โดยต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 20% ซึ่งตนได้พยายามชดใช้คืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยจนครบถ้วนแล้วเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นจำนวนเงินรวมกว่า 1 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ชำระหนี้ครบแล้ว กลับมีกลุ่มชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นลูกน้องของเจ้าหนี้ หน้าเดิมๆ จำนวน 10-15 คน เดินทางเข้ามาหาตนที่ร้านซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขาได้นำหลักฐานการกู้ยืมเงินฉบับเดิมที่ตนได้ชำระครบถ้วนไปแล้ว มาอ้างว่าตนได้ไปกู้ยืมเงินเพิ่ม และไม่ยอมชำระหนี้

กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้ทำการ คุกคามข่มขู่ ตนและสามีในรูปแบบต่างๆ นานา ทั้งข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย ปล่อยลมยางรถยนต์ โดยจะเข้ามาที่ร้านถึงวันละ 4-5 ครั้ง หากวันใดที่ไม่พบตนหรือสามี ก็จะหันไปลงกับลูกน้องที่ร้านแทน ทำให้ตอนนี้ตนรู้สึกหวาดระแวงและเครียดอย่างหนัก จนถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ

ผู้เสียหายระบุว่า ได้ไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจ สภ. ปากเกร็ด นนทบุรี แล้ว แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งเพียงว่า หากเกิดเหตุการณ์คุกคามให้รีบโทรแจ้ง 191 ทันที

ด้วยเหตุนี้ นางสาวเอ จึงตัดสินใจเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อหวังให้มีการเร่งรัดคดีและเข้าช่วยเหลือคุ้มครองความปลอดภัยโดยเร็วที่สุด

ด้าน อ.มานพ สีเหลือ อาจารย์สอนด้านบัญชี กล่าวว่า การทวงซ้ำซ้อนแม้จ่ายครบ การกระทำของลูกน้องในการทวงหนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของเจ้าหนี้ตัวจริง แม้จะจ่ายครบแล้ว การทวงหนี้ซ้ำถือว่าผิด พ.ร.บ. การทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 และทำให้ลูกหนี้เสียหาย

การเรียกดอกเบี้ยเกินกฎหมายและคุกคาม อัตราดอกเบี้ย 20% ต่อเดือน (240% ต่อปี) ผิดกฎหมายชัดเจน เพราะกฎหมายกำหนดสูงสุดเพียง 15% ต่อปี ข้อตกลงที่เกินกว่านี้ถือเป็น โมฆะ ทั้งนี้การคุกคามเป็นความผิด การทำให้ลูกหนี้ไม่เป็นอันทำงานถือเป็นการคุกคามและข่มขู่ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ทวงหนี้ฯ โดยตรง

นอกจากนี้การทวงหนี้ผิดกฎหมาย ฝ่าฝืน พ.ร.บ. การทวงหนี้ การทวงหนี้ มากกว่า 1 ครั้งต่อวัน และการ เข้าไปในเคหสถาน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. การทวงถามหนี้ฯ นอกจากนี้การทำลายทรัพย์สิน (ตามกล้องวงจรปิด) เข้าข่ายความผิดฐาน ทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา

สรุป: ลูกหนี้มีหลักฐานความผิดของเจ้าหนี้อย่างชัดเจน ทั้งเรื่องอัตราดอกเบี้ยเกินกฎหมายและวิธีการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมายร้ายแรง ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีได้ครบถ้วนครับ

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องร้องทุกข์ไว้ก่อนจะประสานไปยังสภ. ปากเกร็ดให้ดำเนินการตามกฎหมาย ช่วยเหลือผู้เสียหายต่อไป

About The Author

Related posts