ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. เปิดสถิติคดีและความเสียหายในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีการดำเนินการสืบสวนจับกุมพร้อมช่วยเหลือเหยื่อจากการถูกหลอกลวงภายใต้ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ตั้งแต่วันที่ 9-15 พ.ย.68 มีคดีที่รับแจ้งเข้ามาผ่านทาง Thaipoliceonline จำนวน 7,720 เคส มูลค่าความเสียหายหาย 434,671,953 บาท ซึ่งลดลงจากห้วงวันที่ 2-8 พ.ย.68 จำนวน 175 เคส มูลค่าความเสียหายลดลง 129,942,832 บาท

โดยจากข้อมูลการรับแจ้งความ ซึ่งหากเทียบข้อมูลเชิงปริมาณจะพบว่า การหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ ยังเป็นคดีอันดับ 1 ที่ผู้เสียหายถูกหลอกลวงมากที่สุด ซึ่งหากเทียบเชิงมูลค่าความเสียหาย จะพบว่าการหลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มีมูลค่าความเสียหายสูงเป็นอันดับ 1 และการหลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล, หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ, หลอกให้โอนเงินโดยข่มขู่ให้เกิดความกลัว มีมูลค่าความเสียหายรองลงมาตามลำดับ
ทั้งนี้ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเคสรับแจ้งผ่านทางศูนย์ ACSC และสามารถประสานงานร่วมกันกับทุกภาคส่วน ประกอบกับประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เข้าช่วยเหลือเหยื่ออย่างทันท่วงที โดยสามารถช่วยเหลือและระงับการโอนเงินของผู้เสียหายก่อนจะโอนเงินไปยังบัญชีของมิจฉาชีพได้จำนวน 12 เคส คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 7,185,174 บาท โดยมีเคสที่น่าสนใจ ดังนี้
เคสที่ 1 การช่วยเหลือนักศึกษาชาย มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี หลังผู้เสียหายถูกคนร้ายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งว่ามีคดีพัวพันยาเสพติด ให้ดำเนินการตามที่คนร้ายแนะนำ และปลอมเอกสารมหาวิทยาลัย ว่าได้รับทุนเรียนต่างประเทศ ต้องโอนเงินเพื่อให้มีรายการเดินบัญชี มิหนำซ้ำยังบังคับ ข่มขู่ให้อยู่ในหอพัก ไม่ให้บอกความจริงกับผู้ปกครอง แต่ให้หาเหตุผลอ้างเรื่องอื่น เพื่อให้ผู้ปกครองโอนเงินมาให้ มูลค่า800,000 บาท เพื่อโอนต่อให้คนร้าย เป็นที่มาให้เกิดการประสานงานภายในศูนย์ฯ กระทั่งประสานพื้นที่เข้าช่วยเหลือเหยื่อและระงับการโอนเงินได้ทันท่วงที
เคสที่ 2 ศปอส.ภ.1 ได้มีการจับกุมเครือข่ายบัญชีม้า 12 ราย ตรวจยึดเงินสด 927,000 บาท จากนั้นจึงได้มีการขยายผลติดตามช่วยเหลือผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลวงให้ทำภารกิจหารายได้พิเศษ โดยเป็นการชวนเข้ากลุ่มไลน์ ก่อนจะมีการสมัครสมาชิกร้านค้า ต้องโอนเงินเพื่อเปิดการมองเห็น มูลค่าความเสียหาย 194,544 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว ได้ประสานงานช่วยเหลือ แจ้งเตือนให้ผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกลวง และรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี
เช่นเดียวกับเคสที่ 3 ซึ่งเป็นขยายผลจากการจับกุมของ ศปอส.ภ.1 ที่จับกุมเครือข่ายบัญชีม้า 12 ราย ตรวจยึดเงินสด 927,000 บาท พร้อมกับประสานความร่วมมือกับ ศปอส.ภ.5 ช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ในพื้นที่ สภ.วังเหนือ หลังผู้เสียหายถูกคนร้ายชักชวนผ่านเฟซบุ๊กหลอกลวงว่าเที่ยวฟรีพร้อมครอบครัวแบบหรูหรา (VIP) และยังมีพ็อกเก็ตมันนี่เพ่ิมให้ด้วย เมื่อสนใจ คนร้ายใช้วิธีส่งข้อความทางแชทออนไลน์มาหา จากนั้นให้ส่งเบอร์โทรศัพท์หาผู้เสียหายไปให้ และพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์ ก่อนให้โอนเงินไปหลายครั้ง รวมมูลค่าทั้งหมด 349,734 บาท โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนเหยื่อให้รู้ตัวว่าถูกหลอกลวง และให้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี
เคสที่ 4 ในพื้นที่ สภ.หาดใหญ่ ผู้เสียหายซึ่งต้องการซื้ออาหารเสริมให้มารดา ถูกลวงอ้างว่าจะได้สินค้าทดลอง จึงถูกชักชวนให้เข้าไปในแอปพลิเคชันไลน์ ก่อนหลอกลวงให้ลงทุนเทรดหุ้น ขณะที่ในกลุ่มนั้นมีหน้าม้าคอยหลอกว่าได้เงินคืนจากการลงทุน พร้อมกดดันให้ผู้เสียหายโอนเงินอยู่เรื่อยๆ สูญเงินรวมกว่า 1,499,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ภ.8 และ สภ.หาดใหญ่ ได้รับแจ้งจาก warroom ศูนย์ ACSC ให้ติดต่อช่วยเหลือเหยื่อ ประสานงานให้ผู้เสียหายรู้ตัวและหยุดโอนเงิน ก่อนพาแจ้งความที่ สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดีต่อไป

“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”
