”ณพ ณรงค์เดช“เปิดหลักฐานคลิปเสียง ยัน ‘ดร.เกษม’ เซ็นจริงเอกสารหุ้นวินด์ – ย้ำรักและห่วงใยสุขภาพพ่อ หลังตนกับลูกถูกกีดกันห้ามพบ 

วันที่ 14 พ.ย. 68 ที่ห้องพินนาเคิล 2 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ถนนเพลินจิต กทม. นายณพ ณรงค์เดช นักธุรกิจและทีมทนายความ แถลงข่าวพร้อมเปิดพยานหลักฐานสำคัญ ยืนยัน “เอกสารจริง” ไม่ปลอม

 นายณพ ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อพิพาททางธุรกิจภายในครอบครัว พร้อมตอบโต้ข้อกล่าวหาเรื่องการปลอมแปลงเอกสาร และข้อกล่าวหาโจมตีว่าอกตัญญู รวมถึงการตั้งคำถามต่อความโปร่งใสและความยุติธรรมของกระบวนการยุติธรรม

นายณพ กล่าวว่า ได้ซื้อบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี โฮลดิ้ง จำกัด มาตั้งแต่ ปี 2558 และได้ชวนพี่น้องร่วมลงทุนแต่ถูกปฏิเสธ เพราะมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่ต่อมาพอเริ่มเห็นแววประสบความสำเร็จก็จะอยากเข้ามาร่วมลงทุน

 ในปี 2559 นายณพได้ขายบริษัทนี้ให้กับคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา (แม่ยาย) ซึ่งคุณหญิงกอแก้วได้ซื้อบริษัทนี้ไปและได้ชำระเงินค่าหุ้นโดยมีหลักฐานทางการเงินอย่างชัดเจน ซึ่งเอกสารเกี่ยวกับการซื้อหุ้นและการแต่งตั้งตัวแทน รวม 5 ฉบับได้ทำขึ้นในปี 2559 และ 2560 ซึ่งในขณะนั้น ตัวผมได้ขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อในการขอยืมชื่อสำหรับโอนเอกสารเท่านั้น โดยท่านไม่ต้องมีภาระในการชำระค่าหุ้นใดๆ

“คลิปเสียงการพูดคุยที่นำมาเปิดวันนี้ เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาล อยู่ในช่วงเดือนก.พ. 2561 ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการทำเอกสารที่ถูกกล่าวหาว่าปลอมถึงสองปี และมีเสียงคุณพ่อยอมรับว่าเซ็นเอกสารชัดเจน” นายณพ กล่าว

ทั้งนี้ในคลิป ดร.เกษม หรือคุณพ่อ ได้ระบุเองและรับรู้ชัดเจนว่าหุ้นที่อยู่ในมือท่านไม่ใช่ของท่าน และท่านไม่ได้จ่ายเงินค่าหุ้น เบื่อที่จะเซ็นเอกสารจึงมีการโอนหุ้นคืนให้คุณหญิงก่อแก้ว เพื่อเปิดเผยชื่อเจ้าของเนื่องจากบริษัทกำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์

 “ฉันมีหน้าที่อย่างเดียวคือถึงเวลาเซ็นขายก็เซ็น เซ็นให้เซ็นไปเรื่อยๆ ฉันถึงบอกว่าตอนหลังบอกไม่เอาแล้วเว้ย ดึก ๆ ดื่น ๆ ฉันจะต้องนั่งเซ็นไอ้นี่ให้เขา เพราะฉะนั้นเอาคืนไปหมดดีกว่า” เสียงดร.เกษม ในคลิประบุ

นอกจากนี้ นายณพ ยังยืนยันว่า ตนเองเป็นเจ้าของเดิม เข้าลงทุนด้วยตนเองตั้งแต่ปี 2558 และคุณหญิงกอแก้วเป็นผู้รับซื้อหุ้น และเป็นเจ้าของต่อในปี 2559 โดยมีเส้นทางการเงินที่ชัดเจน มีการพิสูจน์ในศาลเรียบร้แย จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องปลอมแปลงเอกสารเพื่อเป็นเจ้าของในสิ่งที่ตนเองเป็นเจ้าของอยู่แล้ว

สำหรับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีแพ่ง ศาลก็ระบุว่าโจทก์ ไม่สามารถแสดงหลักฐานการชำระค่าหุ้นที่ชัดเจนได้ และไม่น่าเชื่อว่าคุณเกษมจะฟ้องร้องเพื่อบังคับตามเอกสารที่ตนเองรู้ว่าไม่ได้จัดทำขึ้น หากคุณเกษมมีสิทธิ์ในหุ้นจริงก็สามารถจัดสรรหุ้นได้ตามความประสงค์

นายณพ กล่าวเพิ่มเติม กรณีที่โดนกล่าวหาว่าเป็นลูกอกตัญญู เอาของๆ พ่อไปให้แม่ยาย เห็นครอบครัวคนอื่นดีกว่าตัวเอง นายณพปฏิเสธสิ้นเชิง โดยระบุว่าตนเองเป็นผู้ซื้อธุรกิจนี้มา โดยมีการพิสูจน์ในศาลชัดเจน ว่าหุ้นเป็นการลงทุนของตนและคุณหญิง  ยอมรับว่าคุณหญิงก่อแก้วได้เข้ามาช่วยเหลือตนในวันที่ลำบาก เพราะขณะนีั้นไม่มีใครรู้ว่าธุรกิจวินด์ฯ จะดีหรือไม่ดี ทำให้ปัจจุบันตนรู้สึกผิดที่ไม่สามารถดูแลคุณหญิงกอแก้วและลูกๆ

 นอกจากนั้น นายณพยังเปิดเผยคลิปแสดงหลักฐานชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมา น้องดณ บุตรชายของตนพยายามเข้าไปพบและดูแลคุณปู่ คือ ดร.เกษม แต่ถูกคนในบ้าน ปิดกั้นไม่ให้พบมาโดยตลอด รวมถึงตนเองก็เข้าพบไปดูแลคุณพ่อไม่ได้นานหลายปีที่ผ่านมา จนตอนนี้เป็นห่วงมากเพราะทราบว่าคุณพ่อป่วย มีอาการความจำ อาการทางสมอง ทำให้อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือ

นอกจากนั้น นายณพ ยังตั้งข้อสังเกตถึงความไม่ปกติที่พบ คือ กรณีตำรวจที่รับผิดชอบคดีเอกสารว่าปลอมหรือไม่ปลอม พบว่า มีนายตำรวจระดับ พ.ต.อ.เป็นผู้กำกับจาก สน.ห้วยขวาง มารับแจ้งความที่บ้านคุณพ่อในคดีที่เกี่ยวข้องกับ สน.ทองหล่อ และตั้งข้อสงสัยว่าปกติแล้วตำรวจมีบริการรับแจ้งความถึงบ้านหรือไม่ ซึ่งจะนำไปร้อง ผบ.ตร.ตรวจสอบต่อไปว่าผิดระเบียบหรือไม่ต่อไปด้วย

นอกจากนั้นยังพบว่า การตรวจพิสูจน์หลักฐาน ผลการตรวจลายมือออกภายใน 24 ชั่วโมง ว่าสามารถทราบผลตรวจได้รวดเร็วผิดปกติหรือไม่ แม้แต่คดีสำคัญระดับชาติก็ใช้เวลาเป็นเดือน

ทางด้านอัยการและผู้พิพากษา นายณพได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ตั้งแต่ปี 2565 เกี่ยวกับการที่อัยการเข้าออกบ้านของพี่ชายตน และยังได้ร้องเรียนต่อ ก.ต. ในปี 2565 เรื่องอธิบดีผู้พิพากษาเข้าออกบ้านคู่ความและรองอธิบดีสั่งสำนวนที่ตนรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม รวมถึงข่าวเรื่องเงินสินบน 100 ล้านบาท

ส่วนในประเด็นคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว นายณพตั้งข้อสงสัยว่าทำไมศาลจึงมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้โจทก์ถึง 100% ทั้งที่โจทก์อ้างความเป็นเจ้าของเพียง 49% และคำสั่งนี้ยังคงอยู่แม้โจทก์จะแพ้คดีทุกข้อหาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แล้ว

 นายณพ ยังยืนยันว่าตนยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และพร้อมที่จะต่อสู้ตามช่องทางกฎหมายที่มีอยู่ พร้อมยินดีเข้าร่วมการเสวนาทางวิชาการ หรือออกรายการโทรทัศน์ทุกรายการ ไม่ว่าจะรายการคุณสรยุทธ คุณกรรชัย คุณเมย์ คุณพุทธ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคู่กรณีในทุกเวที เพื่อให้สังคมได้รับรู้ความจริง

“คดีความนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องมรดก เพราะส่วนใหญ่ยังไม่มีการจัดสรร แต่เป็นเรื่องของธุรกิจที่ต้องมีการลงทุน และคุณพ่อเซ็นเอกสารให้ในฐานะตัวแทนเท่านั้น ผมกลายเป็นจำเลยสังคม ทั้งที่ผมเป็นเจ้าของ คุณหญิง(กอแก้ว) เป็นเจ้าของ มีคนวางแผนใช้ประโยชน์จากเรื่องสุขภาพของคุณพ่อ ผมเป็นห่วงสุขภาพของคุณพ่อมาก”

หลังจบแถลงข่าว น้องดณ บุตรชายได้ขึ้นไปสวมกอดนายณพ ให้กำลังใจคุณพ่อบนเวทีด้วย

About The Author

Related posts