เวลา 11.30 น. วันที่ 5 พ.ย.68 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ และ อ.มานพ สีเหลือง ทีมงานฯ พาผู้เสียหายรวม 3 ราย เข้า พบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม กรณีถูกมิจฉาชีพหลอก ประกอบด้วย

1.น.ส.เอ อายุ 68 ปี อดีตรองคณบดี ม.ดัง ย่านปทุมธานี ถูกสแกมเมอร์อ้างชื่อ “ร้านเจ้เล้ง” หลอกร่วมกิจกรรมระดมทุน สูญเงินกว่า 3.5 ล้านบาท
อดีตอาจารย์ เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของความเสียหายมาจากการที่ตนเองสนใจสั่งซื้อครีมจาก เพจเฟซบุ๊กที่อ้างว่าเป็นของร้านเจ้เล้ง ขณะทำการสั่งสินค้า ได้มีบุคคลชักชวนให้เข้าร่วม “กิจกรรมระดมทุน” โดยกล่าวอ้างว่าเป็นกิจกรรมพิเศษที่ทางร้านเจ้เล้งจัดขึ้นเพื่อตอบแทนลูกค้า

อดีตอาจารย์เริ่มจากการลงเงินเพียง 1,000 บาท และได้รับผลตอบแทนกลับมาตามที่ตกลงไว้จริง เพิ่มครั้งที่สองก็เบิกได้ปกติ เมื่อถูกชักชวนให้เพิ่มเงินลงทุนในครั้งที่สอง ก็ยังคงสามารถเบิกเงินออกมาได้ตามปกติ ทำให้เกิดความเชื่อถือ
คนชวนระบุว่ากิจกรรมนี้จะสิ้นสุดภายในเดือนนี้ และมอบสิทธิ์พิเศษให้ลูกค้า จึงชักชวนให้ลงเพิ่มเป็นจำนวน 100,000 บาท

หลังลงเงินก้อนใหญ่ อดีตอาจารย์ท่านนี้ก็ถูกชวนเข้าสู่กลุ่ม และพบว่าไม่สามารถออกจากกลุ่มได้ อีกทั้งยังถูกโน้มน้าวให้ลงเงินเพิ่มอีกโดยอ้างว่าจะได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่เมื่อลงเงินไปแล้วกลับ ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้
มิจฉาชีพเริ่มใช้สารพัดข้ออ้าง 1.อ้างบัญชีถูกล็อกให้ลงทะเบียนใหม่ และขอข้อมูลส่วนตัว เช่น หน้าสมุดบัญชีธนาคาร และบัตรประชาชน 2. อ้างต้องปลดล็อกถึง 2 ครั้งหลังปลดล็อกครั้งแรกเสร็จ ก็อ้างว่าต้องปลดล็อกอีกครั้ง 3.อ้างต้องเสียภาษีเมื่อปลดล็อกเสร็จ ก็อ้างว่าต้องเสียภาษีและจ่ายเงินให้กับ ก.ต.ล. (คณะกรรมการกำกับตลาดทุน) โดยอ้างว่ายอดเงินสูง 4.อ้างต้องเปลี่ยนบัญชีโอนใหม่ เมื่อจ่ายภาษีเสร็จ ก็ยังเบิกเงินไม่ได้ โดยอ้างว่าบัญชีเดิมโอนไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนบัญชีโอนใหม่ และต้องจ่ายเงินเพิ่มเติม

ด้วยข้ออ้างที่ซับซ้อนและไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้อดีตอาจารย์แน่ใจว่าตนเองถูกหลอกลวงจากแก๊งสแกมเมอร์อย่างแน่นอน ซึ่งความเสียหายรวมครั้งนี้เป็นจำนวนเงินสูงถึง 3.5 ล้านบาท
ผู้เสียหายรายที่สอง เป็น หนุ่มวิศวะ วัย 47 ปี ได้ลงทุนผ่านแอพพลิเคชั่นเสมือนจริงซึ่งเป็นแอพปลอม ในเบื้องต้นลงทุนไปแล้วได้กำไรจริง 20,000 บาท แต่หลังจากนั้นสแกมเมอร์อ้างให้โอนเงินค่าภาษี ผู้เสียหายเริ่มไม่ไว้ใจและรู้ว่าถูกสแกมเมอร์หลอก มูลค่าความเสียหาย 1.3 แสนบาท
ผู้เสียหายรายที่่สาม เป็นพนักงานบริษัทครั้งแรกถูกชวนให้ทดลองใช้สินค้าผ่าน เฟซบุ๊กและชวนทำกิจกรรมอื่นๆต่อ ทั้งนี้แสแกมเมอร์อ้างว่าผู้เสียหายทำผิดกฎจึงต้องโอนเงินเข้าไปในระบบแต่นำออกมาไม่ได้ ทั้งนี้สแกมเมอร์ยังชักชวนให้ผู้เสียหายหาทรัพย์สินที่มีอยู่เอาไปเปลี่ยนเป็นเงินเพื่อโอนเข้ามาโดยหวังว่าจะถูกปลดล็อกระบบเพื่อให้ได้เงินคืน มูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 3 แสนบาท
ด้าน อ.มานพ สีเหลือง กล่าวว่า สแกมเมอร์เปลี่ยนจากการโทรหลอก มาเป็นการ ปลอมตัวเป็นร้านค้าชื่อดัง (เช่น ร้านเจ๊เล้ง) แล้วชวนเข้ากลุ่มไลน์เพื่อลงทุน โดยใช้ภาพสินค้าและรีวิวของจริงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
ทั้งนี้เหยื่อส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการรวยทางลัด แต่เชื่อมั่นในแบรนด์หรือร้านค้าที่มีชื่อเสียง ที่มิจฉาชีพนำมาแอบอ้าง

ก่อนโอนเงินทุกครั้ง ขอให้พิจารณาชื่อบัญชีผู้รับโอนปลายทาง อย่างรอบคอบ หากเป็น ชื่อบุคคลส่วนตัว ไม่ใช่นิติบุคคลหรือชื่อกิจการที่กำลังทำธุรกรรมอยู่ ถือเป็น สัญญาณอันตราย ว่าคุณกำลังถูกหลอก
จ่าคิงส์และทีมงานจะได้พบผู้เสียหาย นำเอกสารหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
