วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องโถง อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สมาคมตำรวจ สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจ และ ชมรมตำรวจนอกราชการ นำโดย พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ ยื่นจดหมายเปิดผนึก ถึง ผบ.ตร. กรณีบุคคล กลุ่มบุคคล กล่าวหาให้ข้อมูลบิดเบือนต่อสาธารณชน ให้ร้ายองค์กรตำรวจ

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ กล่าวว่า สืบเนื่องจากสื่อมวลชนได้เผยแพร่ข่าว กรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบางราย ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพัน กับกลุ่มสแกมเมอร์และการพนันออนไลน์ ซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการดำเนินคดีเหล่านี้ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจากกรณีดังกล่าว สมาคมตำรวจ สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ชมรมพนักงานสอบสวน และชมรมข้าราชการตำรวจบำนาญ มีความห่วงใยและตระหนักถึงความสำคัญของความเชื่อมั่นจากประชาชนและความจำเป็นในการดำเนินคดีอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม จึงมีความเห็นสมควรประกาศจุดยืนและข้อเรียกร้องผ่านแถลงการณ์ ดังต่อไปนี้
1. ขอให้ท่าน ผบ.ตร. เร่งรัดดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาต่อผู้กระทำผิดอย่างจริงจังและรวดเร็วองค์กรตำรวจทั้ง 4 นี้ ขอเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ข้อเท็จจริง โดยอิสระ โปร่งใส และรวดเร็ว เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในประเด็นที่มีการกล่าวอ้างถึงการมีส่วนเกี่ยวข้องของ ข้าราชการตำรวจกับกลุ่มสแกมเมอร์และการพนันออนไลน์ ทั้งนี้ หากปรากฏว่ามีข้าราชการตำรวจไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดจริง ขอให้เร่งดำเนินคดีทางอาญาและวินัยอย่างเฉียบขาดต่อเจ้าหน้าที่ทุกราย โดยไม่มีข้อยกเว้น ตลอดจนเร่งรัดปราบปรามกลุ่มสแกมเมอร์และการพนันออนไลน์ให้บรรลุเป้าหมายโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อรักษาศักดิ์ศรีและความ น่าเชื่อถือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเพื่อแสดงให้เห็นว่าจะไม่มีการปกป๋องผู้กระทำผิดในทุกกรณี
2. ข้อเสนอและความเห็นต่อกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ให้สัมภาษณ์ว่า “…
ตำรวจ คือ แก๊งอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย…”นั้นโดยหาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ มีเจตนาดีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบ้านเมือง ในการแก้ปัญหา เรื่องการกระทำผิดของคนร้ายและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องรับผลประโยชน์ ดังนั้น ในฐานะที่ พล.ต.อ.

สุรเชษฐ์” เอง เคยเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และอยู่ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาก่อน ก็ควรจะแจ้งข้อมูลที่ตน อ้างว่ารู้และมีข้อมูลอยู่ในครอบครองต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการจับกุมปราบปรามอย่างจริงจัง แต่ไม่ใช่กระทำเพียงออกมาแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์ในเชิงให้ร้ายต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชตำรวจในลักษณะเหมารวมเช่นนี้ และจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏส่วนใหญ่จะเป็นการแถลงข่าวให้สัมภาษณ์ต่อสื่อ โดยมุ่งหวังทำลายความ น่าเชื่อถือ หรือมุ่งให้ร้ายแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจ โดยในขณะเดียวกันก็มักจะพูดยกย่องถึงความรู้ความสามารถของตนเองที่ผ่านมาว่าสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ดี ไม่เป็นเช่นในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการพูดใน ลักษณะ “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ” นั้น ทำให้เกิดความสับสนต่อสังคมและเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชนที่มีต่อการปฏิบัติ

ดังนั้นในกรณีที่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล แถลงข่าวและให้สัมภาษณ์ ในลักษณะพาดพิงและกล่าวให้ร้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจโดยรวม จึงขอเสนอแนะให้ทุกฝ่ายดำรงไว้ซึ่งความเคารพในกระบวนการยุติธรรม และใช้ข้อเท็จจริงเป็นหลักฐานในการแสดงความคิดเห็น เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจอีกจำนวนมากที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตสมาคมตำรวจ สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ชมรมพนักงานสอบสวน และชมรมข้าราชการตำรวจบำนาญขอแสดงจุดยืนสนับสนุนความโปร่งใสและความยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรม เรียกร้องให้มีการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงและดำเนินคดีต่อผู้ที่กระทำผิดโดยไม่มีข้อยกเว้น พร้อมสนับสนุนให้ทุกฝ่ายใช้ข้อมูลและหลักฐานที่ถูกต้องเป็นฐานในการแสดงความคิดเห็น เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และขอขอบคุณประชาชนและสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจและ ติดตามสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าจะติดตามการดำเนินการทุกขั้นตอนให้เป็นไปด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคมและประเทศชาติต่อไป
