เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 พ.ย.68 ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายังกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (PCT) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่สร้าง “เฟกนิวส์” หรือผู้ที่โพสต์หรือนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จในเพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “กันจอมพลัง” ทำให้มีประชาชนเข้ามาคอมเมนท์สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก อันเป็นความผิดตาม พรบ.ความผิดเกี่ยวกับตอมพิวเตอร์โดยตรง

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากมีเพจเฟซบุ๊กหนึ่งใช้ชื่อว่า “กันจอมพลัง” ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช่เพจที่กัน จอมพลังทำขึ้น แต่มีผู้อื่นใช้ชื่อสมอ้างสร้างขึ้นมา โดยเปิดเป็นสาธารณะได้โพสต์รูปภาพที่ตัดต่อหรือดัดแปลงขึ้นมาเป็นภาพของศรีสุวรรณและนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกันจอมพลัง ซึ่งกำลังขับขี่มอเตอร์ไซด์พ่วงข้างในต่างจังหวัดพร้อมข้อความที่ว่า “ด่วน! ศรีสุวรรณ “จ่อฟ้อง” กันจอมพลังปม(ไม่ใส่หมวกกันน็อค) ร้องให้ตรวจสอบรถดังกล่าวว่าผิดมาตรา 122 หรือไม่” ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีประชาชนเข้ามาคอมเมนต์ตำหนิ ว่ากล่าวนายศรีสุวรรณมากกว่า 6 พันคน ทำให้ตนเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความเสียหาย ทั้ง ๆ ที่ตนไม่เคยคิดหรือจะกระทำการในลักษณะดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะทราบดีว่ากัน จอมพลัง เป็นผู้ที่รักชาติ รักแผ่นดิน ทำงานเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินมีผลงานเป็นรูปธรรม มากกว่านักการเมืองบางคนที่ทำงานด้วยปากเสียด้วยซ้ำ

การกระทำดังกล่าวของผู้ที่โพสต์ภาพที่สร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดีดแปลงงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เยี่ยงนี้ ย่อมมีเจตนาเพื่อสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นกับศรีสุวรรณ อันก่อให้เกิดความเสียหาย ซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 16 ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้วยเหตุดังกล่าว องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงได้รวบรวมข้อมูล พยานหลักฐานทั้งหมด มาแจ้งความต่อตำรวจ ปอท. เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่โพสต์และแชร์ภาพและข้อความดังกล่าวทั้งหมด ตามครรลองของกฎหมายจนถึงที่สุด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างของผู้ที่ชอบสร้างเฟกส์นิวส์ ท้าทายกฎหมาย เพียงเพื่อหายอดไลค์โพสต์ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลอื่นและสังคมต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ตรวจสอบพยานหลักฐานที่ผู้เสียหายนำมาก่อนดำเนินการตามกฏหมายต่อไป
