ผู้เสียหายเตรียมยื่นอุทธรณ์ คดี”แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์”หลังศาลตั้นสินรอลงอาญา 5 ปี คดีฉ้อโกงทองคำ 

จากกรณีที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุก นายกานต์พล เรืองอร่าม หรือ “ป๋าเบียร์” และ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ “แม่ตั๊ก” คนละ 20 ปี พร้อมปรับกว่า 6.75 แสนบาท ต่อคน ในคดีฉ้อโกงประชาชนและความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการจำหน่ายเครื่องประดับทองคำ อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีและรอการลงโทษจำคุกไว้ 5 ปี พร้อมคุมความประพฤติ ขณะที่ทนายความผู้เสียหายเตรียมเดินหน้ายื่นอุทธรณ์คดี

ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 นายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ทนายความเปิดเผยว่า ตนเป็นทนายความโจทก์ร่วมจากบรรดาผู้เสียหายในคดีดังกล่าว

กำลังรอคำพิพากษามาดูก่อน และปรึกษาผู้เสียหายว่สจะอุทธรณ์ในประเด็นใดบ้าง เช่น ขอให้ศาลยกเลิกการรอลงอาญา, ขอเพิ่มโทษจำคุก หรือเพิ่ม/เร่งรัดการชดใช้ค่าเสียหาย หลังจากนั้นจะได้ดำเนินการยื่นร้องขออุทธรณ์คดีตามขั้นตอนต่อไป

สำหรับคดีนี้ เป็นข่าวโด่งดังเมื่อช่วงปลายปี 2567 ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ศาลอาญา ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อทย.582/2567 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด (จำเลยที่ 1), นายกานต์พล เรืองอร่าม หรือ “ป๋าเบียร์” (จำเลยที่ 2) และ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ “แม่ตั๊ก” (จำเลยที่ 3) ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ความผิดต่อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง ซึ่งจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ

ศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดหลายกรรม ได้แก่ ร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค, ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลาก และร่วมกันฉ้อโกงประชาชนรวม 60 กระทง

บทลงโทษรวมทุกกระทง ปรับบริษัทจำเลยที่ 1 เป็นเงินรวม 675,000 บาท คงจำคุกจำเลยที่ 2 และ 3 คนละ 20 ปี และปรับคนละ 675,000 บาท

ทั้งนี้ ศาลพิจารณาว่าจำเลยทั้งสามสำนึกผิดและได้พยายามบรรเทาผลร้ายด้วยการประกาศรับซื้อคืนสินค้า มีผู้คืนสินค้ากว่า 3,929 ราย และคืนเงินเต็มจำนวนไปแล้ว 1,610 ราย มูลค่ากว่า 57 ล้านบาท อีกทั้งยังวางเงินต่อศาลเพื่อคืนให้แก่ผู้เสียหายทั้ง 36 รายตามคำขอท้ายฟ้อง ถือว่าจำเลยสำนึกผิดและได้พยายามบรรเทาผลร้าย อีกทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2-3 เคยกระทำความผิดใดมาก่อน ศาลจึงเห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 5 ปี พร้อมคุมความประพฤติเป็นเวลา 5 ปี โดยต้องไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ 2 ครั้ง และทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์คนละ 30 ชั่วโมง รวมถึงห้ามกระทำการที่ฝ่าฝืนกฎหมายลักษณะเดียวกับคดีนี้อีก

ทั้งนี้ ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ทองคำของกลางของผู้เสียหายทั้ง 36 ราย พบว่าเครื่องประดับที่จำเลยขายมีค่าปริมาณทองคำในอัตราร้อยละ 99.99 (เช่น ปี่เซี่ยะ) และส่วนประกอบอื่นมีปริมาณทองคำร้อยละ 71-73 เศษ จึงไม่ใช่ทองคำปลอมหรือด้อยคุณภาพ เพียงแต่จำเลยกล่าวอ้างในการขายว่าสินค้าเป็นทองคำร้อยละ 99.99 และมีของแถมเป็นทองคำ

 

 

 

 

About The Author

Related posts