วันที่ 18 ต.ค.68 เวลา 13.00 น. “ปวีณา” แถลงความคืบหน้ากรณี น.ส.กัญญาวีร์ หรือ มิ้นท์ อายุ 20 ปี นักศึกษาแพทย์ปี 2 คณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยชื่อดัง ขอช่วยตรวจสอบสาเหตุ น.ส.นงนภัทร์ หรือ ตูน อายุ 47 ปี ผู้เป็นแม่ เสียชีวิตในร้านนวดสปาที่ประเทศญี่ปุ่น ใน 3 ประเด็น ดังนี้
1.สรุปผลการชันสูตรศพจากโรงพยาบาลประเทศญี่ปุ่นที่ส่งผ่านกระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 16 ต.ค.68 ระบุ ไม่มีร่องรอยบาดแผลตามร่างกายที่บ่งชี้ว่าเป็นการถูกฆาตกรรม อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจเสียชีวิตเรื่องจากอาการป่วย ขณะนี้ได้มีการนำหัวใจและสมองไปตวจจพิสูจน์อย่างละเอียด คาดใช้อีกเวลา 1-2 เดือน จะรู้ผล
2.มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือช่วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเรียน และระหว่างปิดทอมให้น้องมิ้นมาทำงานกับมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อมีรายได้เป็นค่าใช้จ่ายในการเรียน
3.”เพจอีจัน” นำเงินที่ได้จากการเปิดรับบริจาคผ่าน “มูลนิธิเพจอีจัน” จำนวน 157,765.47 บาท มอบให้ น้องมิ้น เป็นค่าดำเนินการในการรับอัฐิของแม่กลับมาประเทศไทย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 53,000-64,000 บาท โดยเงินส่วนที่เหลือเพื่อเป็นทุนการศึกษาต่อไป
นางปวีณา กล่าวว่า น.ส.กัญญาวีร์ หรือ มิ้นท์ ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ เนื่องจากติดใจสงสัยสาเหตุการเสียชีวิตของแม่ในสภาพเปลือยกายบนเตียงนอนที่แม่ทำงานในร้านนวดสปา ที่เมืองอิบารากิ จังหวัดยูกิ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 5 ต.ค.68 โดยมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พล.ต.ต.จตุรภัทร์ ภิรมณ์แก้ว ผบก.กองการต่างประเทศ ตำรวจสากลไทย และกระทรวงการต่างประเทศทันที เพื่อประสานตำรวจสากลญี่ปุ่น และสถานทูตไทยในญี่ปุ่น พร้อมกับประสานกองคุ้มครองดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตของแม่น้องมิ้น และขั้นตอนในการส่งศพกลับไทย
ในส่วนเรื่องการศึกษาของน้องมิ้น หลังจากสูญเสียคุณแม่ นางปวีณา ได้ทำหน้าที่แทนแม่ที่เคยส่งเงินให้ลูกไปเรียนทุกวัน วันละ 300 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันระหว่างที่เรียนตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.เรื่อยมา และช่วงที่น้องมิ้นปิดเทอมจะมาช่วยงานที่มูลนิธิปวีณาฯ เพื่อให้มีรายได้ไว้ใช้จ่ายในการศึกษาต่อไป
นางปวีณา ขอขอบคุณ นางสาวสมปรารถนา นาวงษ์ เจ้าของเพจอีจัน ที่เป็นสะพานบุญรับบริจาคช่วยเหลือน้องมิ้น และขอบคุณ มูลนิธิเพจอีจัน สังคมอีจัน ที่ร่วมบุญบริจาคช่วยเหลือน้องมิ้นเพื่อนำอัฐิแม่กลับมาบ้านเกิด และเงินส่วนได้เป็นทุนการศึกษา โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามการช่วยเหลือน้องมิ้นร่วมกับเพจอีจันต่อไป
นางสาวสมปรารถนา นาวงษ์ เจ้าของเพจอีจัน / มูลนิธิเพจอีจัน กล่าวว่า หลังเล่าเรื่องของน้องให้สังคมอีจันทราบ ก็ได้รับความช่วยเหลือเป้นเงินบริจาคเพื่อให้นำร่างแม่กลับเมืองไทยโดยเร็ว และถ้าค่าใช้จ่ายเหลือก็ให้ใช้เป็นทุนการศึกษาต่อไป
ด้าน น.ส.กัญญาวีร์ หรือ มิ้นท์ อายุ 20 ปี นักศึกษาแพทย์ปี 2 คณะสัตวแพทย์ กล่าวทั้งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจว่า “เมื่อไม่มีแม่แล้วหนูก็ไม่รู้จะพึ่งใคร โชคดีที่มูลนิธิปวีณาฯ ยื่นมือช่วยเหลือเป็นที่พึ่ง หนูขอขอบคุณท่านปวีณา พี่จัน นางสาวสมปรารถนา นาวงษ์ เจ้าของเพจอีจัน และผู้ใจบุญที่บริจาคช่วยเหลือ หนูขอสัญญาว่าเงินที่ได้จะนำไปใช้จ่ายเป็นค่าดำเนินการในการรับอัฐิแม่กลับมาบ้าน อีกส่วนจะใช้ในการศึกษาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และตั้งใจเรียนให้จบเพื่อทำประโยชน์ให้สังคมต่อไป
————-
รายละเอียด
1. นายอำนาจ พละพลีวัลย์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ได้ส่งสำเนาผลการชันสูตรและคำแปลอย่างไม่เป็นทางการ วันที่ 16 ต.ค.68 ระบุ ตามที่เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2568 ท่านพร้อมด้วยผู้แทนมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้เข้ามาหารือที่กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรณี นางสาวนงนภัสร์ นาหนองตูม มารดาของท่านเสียชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเจ้าหน้าที่กองคุ้มครองฯ ได้แจ้งข้อมูลรายละเอียดการเสียชีวิตของมารดาท่าน ตามข้อเท็จจริงที่ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกี่ยว และได้แจ้งว่าทางการญี่ปุ่นจะชันสูตรศพมารดาของท่านเพื่อตรวจหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงในวันที่ 10 ตุลาคม 2568 นั้น บัดนี้ กองคุ้มครองฯ ได้รับรายงานเพิ่มเติมจากสถานเอกอัครราชทูตฯ ดังนี้
โดย เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรยูกิ จังหวัดอิบารากิ แจ้งผลการตรวจสอบลายนิ้วมือของศพพบว่าตรงกันกันกับของนางสาวนงนภัสร์ จริง ช่วงเย็นของวันที่ 10 ตลาคม 2568 สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นแจ้งผลการชันสูตรศพมารดาของท่าน พบว่า ไม่มีร่องรอยบาดแผลตามร่างกายที่บ่งชี้ว่าเป็นการถูกฆาตกรรม อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจเสียชีวิตเนื่องจากอาการป่วย ในชั้นนี้ อยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียด อาจใช้เวลาถึง 1-2 เดือน โดยเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้แจ้งให้ท่านทราบโดยตรงอีกทางหนึ่งด้วยแล้ว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหนังสือแจ้งผลการชันสูตรศพเบื้องต้นให้ท่านทราบโดยละเอียดพร้อมคำแปลอย่างไม่การเป็นทางการ รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย อนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นขอให้สถานเอกอัครราชทูตฯ แจ้งเรื่อง
ดังกล่าวให้ท่านทราบ ตลอดจนขอทราบความประสงค์ในการจัดการศพนางสาวนงนภัสร์ มารดาของท่านต่อไป
โดยข้อมูลประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดการศพ ดังนี้ 1.หากนำศพกลับประเทศไทย 1-1.5 ล้านเยน (หรือประมาณ 215,000-322,000 บาท) , 2.หากฌาปนกิจศพที่ประเทศญี่ปุ่น 250,000-300,000 เยน (หรือประมาณ 53,000-64,000 บาท)
2.ในส่วนเรื่องการศึกษาของน้องมิ้น หลังจากสูญเสียคุณแม่ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ทำหน้าที่แทนแม่ที่เคยส่งเงินให้ลูกไปเรียนทุกวัน วันละ 300 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันระหว่างที่เรียนตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.เรื่อยมา และช่วงที่น้องมิ้นปิดเทอมจะมาช่วยงานที่มูลนิธิปวีณาฯ เพื่อให้มีรายได้ไว้ใช้จ่ายในการศึกษาต่อไป หากผู้มีจิตอันเป็นกุศลท่านใดต้องการช่วยเหลือให้โอกาสน้องมิ้นได้ทำงานช่วงปิดเทอม หรือทำงานพาร์ทไทม์เพื่อให้มีรายได้เป็นทุนการศึกษา ติดต่อได้ที่มูลนิธิปวีณาฯ โทรฯ 1134, 081-890-1355, 062-560-1636, 098-478-8991
3.น.ส.กัญญาวีร์ หรือ มิ้นท์ ได้ตัดสินใจขอมูลนิธิปวีณาฯ ประสานในการฌาปนกิจศพแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น และส่งอัฐิกลับมาไทย โดย “เพจอีจัน” ได้นำเงินที่ได้จากการเปิดรับบริจาคผ่าน “มูลนิธิเพจอีจัน” จำนวน 157,765.47 บาท มอบให้ น้องมิ้น เป็นค่าดำเนินการในการรับอัฐิของแม่กลับมาประเทศไทย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 53,000-64,000 บาท โดยเงินส่วนที่เหลือเพื่อเป็นทุนการศึกษาต่อไป
นางปวีณา กล่าวว่า ขอขอบคุณ นางสาวสมปรารถนา นาวงษ์ เจ้าของเพจอีจัน ที่เป็นสะพานบุญให้สังคมอีจันรับบริจาคช่วยเหลือน้องมิ้น เพื่อนำอัฐิแม่กลับมาบ้านเกิด และเงินส่วนที่เหลือได้เป็นทุนการศึกษา โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามการช่วยเหลือน้องมิ้นร่วมกับ กระทรวงการต่างประเทศ และตำรวจสากลต่อไป
ด้าน น.ส.กัญญาวีร์ หรือ มิ้นท์ อายุ 20 ปี นักศึกษาแพทย์ปี 2 คณะสัตวแพทย์ กล่าวทั้งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจว่า “เมื่อไม่มีแม่แล้วหนูก็ไม่รู้จะพึ่งใคร โชคดีที่มูลนิธิปวีณาฯ ยื่นมือช่วยเหลือเป็นที่พึ่ง หนูขอขอบคุณท่านปวีณา พี่จัน นางสาวสมปรารถนา นาวงษ์ เจ้าของเพจอีจัน และผู้ใจบุญที่บริจาคช่วยเหลือ หนูขอสัญญาว่าเงินที่ได้จะนำไปใช้จ่ายเป็นค่าดำเนินการในการรับอัฐิแม่กลับมาบ้าน อีกส่วนจะใช้ในการศึกษาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และตั้งใจเรียนให้จบเพื่อทำประโยชน์ให้สังคมต่อไป