ผู้ว่าชัชชาติ เตรียมรื้อสน.สามเสนใหม่มูลค่ากว่า 40 ล้านวันนี้ โดยมีรฟม.-ผู้รับเหมา ออกค่าใช้จ่าย ย้ำซ่อมไม่คุ้มสร้างใหม่ รับเลื่อนเปิดผิวจราจรไม่มีกำหนด เน้นความปลอดภัย // ส่วนรองผู้ว่ารฟม. ยังไม่สรุปหาคนผิด 

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงการณ์กรณีรื้ออาคารสน.สามเสน ว่า หลังจากเมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีได้มาเยี่ยมตอนประมาณสี่ทุ่ม โดยมีข้อสั่งการให้ดูเรื่องสถานีตำรวจให้ดี เพราะมีการทรุดตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อเช้าก็มีการประชุมโดยเป็นคณะกรรมการที่ตั้งมาเสริม เป็นกลุ่มที่มีคณะทำงานด้านเทคนิคทั้งทางตำรวจ / รฟม. / กรมโยธา และกทม. รวมไปถึงผู้รับเหมาประชุมร่วมกัน

ที่ผ่านมาเรามีการถมทรายเข้าไปประมาณ 3000 ลูกบาศก์เมตร และพยายามทำเข็มเพิ่มเติมตรงเสาเข็มที่ขาด แต่พบว่ามีบางส่วนที่มีรอยร้าวและมีดินสไลด์ โดยเสาต้นที่ 3 ของสถานีตำรวจมีการชำรุดหรือเสียหายเพิ่มเติม ทำให้เราเริ่มนั่งประเมินสถานการณ์กันใหม่ โดยเมื่อเช้าประเมินจากฝ่ายเทคนิคคิดว่า ถ้าเราไม่รื้อถอนตอนนี้จะมีอุปสรรคในการเอาดินกลับคืน และมีความเสี่ยงที่ตึกจะถล่มลงมาระหว่างการแก้ไขได้ ซึ่งทางตำรวจก็ไม่มีความขัดข้องซึ่งการใช้จ่ายทั้งหมดทาง รฟม. และผู้รับเหมาจะเป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท

โดยมีการสั่งการ 6 ประเด็น คือ 1. ให้นำรถออกจากสน.สามเสนรวมประมาณ 30 คัน และเริ่มเจาะกำแพงด้านหลังอาคาร 2. เริ่มรื้อถอนอาคารบางส่วน โดยจะเริ่มส่วนขวาสุดที่เป็นจุดเสี่ยงเพื่อลดน้ำหนัก 3.เสริมความมั่นคงด้านฝั่งสามเสนที่ติดกับแยกวชิระ เพื่อไม่ให้ดินสไลด์ตัวเพิ่ม 4.เสริมความแข็งแรงของอุโมงค์ใต้ดินด้านล่าง 5.ติดตามประเมินความมั่นคงของแฟลตตำรวจ 6. ติดตามความมั่นคงของอาคารรพ.วชิระ

ซึ่งขบวนการทั้งหกกระบวนการนี้ สามารถเริ่มได้เลยตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ ส่วนกำหนดการแล้วเสร็จอาจจะคลาดเคลื่อน โดยยังไม่ได้ระบุและวันเวลา แต่เน้นว่าจะต้องยึดความปลอดภัยเป็นหลัก รวมทั้งจะต้องขยายเวลาในการเปิดผิวจรจาจรจากเดิมวันที่ 9 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง ซึ่งการจราจรก็ไม่ได้วิกฤติมากเนื่องจากโรงเรียนปิดอยู่

โดยสาเหตุในการรื้อครั้งนี้ เป็นเพราะเริ่มแรกที่หลุมยุบทำให้ดินสไลด์ส่งผลให้เสาต้นที่ 5 ของสน.ชำรุด ซึ่งเป็นเสาหลักในการรับน้ำหนัก และดินสไลด์ ทำให้มีความเสียหายต่อเนื่องเพิ่มเติมมายังเสาที่ 3 ซึ่งไม่ได้เกิดจากการที่คนงานนำเครื่องจักรไปถมทรายบริเวณใต้สน.

ทั้งนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีมติสั่งรื้อตั้งแต่ข้างบนบางส่วนก่อนลงมา เพื่อให้ลดน้ำหนัก โดยวิธีการรื้อถอนจะแยกเป็นชิ้นๆใส่รถ และขนออกไปยังพื้นที่ที่รองรับไว้ ซึ่งจะไม่มีการเก็บวัสดุไว้ในพื้นที่เด็ดขาด แต่ก็ต้องใช้เวลา เพื่อความปลอดภัย แต่ตามหลักวิศวกรรมแล้ว ในอนาคตมีโอกาสรื้อทั้งอาคารสน. เพราะตามอาคารนี้ถือเป็นอาคารใหม่ ความเสียหายที่บิดเบี้ยว ไม่สามารถใช้งานต่อได้ ซึ่งงบประมาณในการซ่อมอาจจะมากกว่าที่ต้องสร้างใหม่

ส่วนอาคารอื่นๆโดยรอบ พบว่าตอนนี้มีความปลอดภัย อย่างกรณีแฟลตตำรวจเก่าที่อยู่ด้านหลัง จากการตรวจสอบมีความปลอดภัย รวมทั้งบ้านเรือนประชาชนที่เป็รอาคารพานิชย์ โดยเฉพาะรพ.วชิระ ไม่มีการเคลื่อนไหวตั้งแต่วันแรก เนื่องจากมีอุปกรณ์ในการเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของอาคารพานิชย์และแฟลตรวมทั้งอุโมงค์ใต้ดินจะต้องมีการมอนิเตอร์อยู่ตลอด

สำหรับหน้างานในเวลานี้ แม้จะมีฝนตกหนักลงมา ก็ไม่ได้เป็นอุสรรค เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้รองรับเพียงพอต่อการระบายน้ำ

ขณะที่ นายกิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ในเรื่องของข้อสรุปถึงสาเหตุความเสียหาย ยังไม่สามารถประเมินได้ หรือยังไม่มีมติใด ๆ เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างเร่งกู้สภาพผิวจราจร รวมถึงอาคารรอบข้างก่อน เพื่อไม่ให้ขยายวงกว้างไปกว่านี้

About The Author

Related posts